ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รัดคอฆ่าแม่ค้ากาแฟ

ฆาตกรคู่กิ๊กผูกคอดับ แฉเหยื่อเป็นแม่ม่าย ตํารวจคาดปมหึงหวง หนุ่มใหญ่หึงโหด คว้าสายไฟฟ้ารัดคอฆ่าแม่ม่าย "คู่กิ๊ก" ตายสยองคาบ้าน ก่อนใช้สายไฟเส้นเดียวกันผูกคอตายคาขื่อห้องครัวหนีความผิด กระทั่งเพื่อนบ้าน สงสัยแม่ม่ายชะตาขาดไม่ออกไปขายกาแฟตามปกติ งัดช่องลมปีนเข้าไปดูพบศพ วิ่งโร่แจ้งตำรวจมาสอบสวน คาดหนุ่มโหดรู้ว่ามีชายหลายคนมาติดพันแม่ม่าย ทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันด้วยความหึงหวง เลยคลั่งก่อเหตุสยอง หนุ่มใหญ่รัดคอฆ่า "คู่กิ๊ก" แล้วแขวนคอตายเพราะหึงหวงรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 3 ส.ค. ร.ต.ท.บุญเรือง พันธนู ร้อยเวรสอบสวน สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าตายที่บ้านเลขที่ 159/6 ชุมชนเคหะคลองหก ซอย 42 หมู่ 2 ต.รังสิต จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ ผกก. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.ธัญบุรี นำกำลังและเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รุดไปสอบสวน ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว ด้านหน้าต่อเป็นห้องเก็บของ ภายในห้องโถงบ้าน พบศพนางพัชราพรจิวัฒนไชยมณี อายุ 52 ปี เจ้าของบ้าน อาชีพขายกาแฟที่ปากซอย 42 นอนหงายศีรษะหนุนฟูกที่นอนที่ปูอยู่ กลางบ้าน สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ผ้าถุงลายดอกสีแดง ลำคอมีรอยเขียวช้ำคล้ายถูกรัดด้วยสายไฟ คาดว่าตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ปรากฏว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจหาหลักฐานในที่เกิดเหตุก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตอีกรายใช้สาย ไฟฟ้าสีดำยาวประมาณ 2 เมตร ผูกคอกับขื่อห้องครัว ทราบภายหลังชื่อนายธานี คำมณี อายุ 58 ปี บ้านอยู่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี สวมเสื้อเชิ้ตลายสกอตสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ คาดว่าตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน สอบสวนนายปริญญา ประดิษฐ์ อายุ 41 ปี ผู้พบศพ ให้การว่ารู้จักกับนางพัชราพร ผู้ตาย มานานแล้ว เมื่อตอนเช้าไม่เห็นนางพัชราพรออกไปขายกาแฟ จึงแวะมาเรียกพร้อมกับเคาะประตูบ้านแต่ก็ไม่มีใครเปิด กระทั่งบ่ายได้แวะมาหาอีกครั้ง แล้วลองเรียกดูก็ไม่มีใครตอบ แต่สังเกตเห็นว่าประตูบ้านคล้องล็อกจากด้านใน จึงบอกเพื่อนบ้านแถวนั้นว่าจะงัดเข้าไปดู จากนั้นได้งัดช่องลมหน้าบ้านปีนเข้าไปดูก็พบว่านางพัชราพรนอนตายอยู่ กลางบ้าน จึงรีบแจ้งตำรวจมาสอบสวน โดยไม่รู้ว่ายังมีผู้เสียชีวิตอีกศพอยู่ในห้องครัว ด้าน พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ ผกก.สภ.ธัญบุรี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานแวดล้อม ทราบว่านางพัชราพรอาศัยอยู่บ้านดังกล่าวตามลำพังนานกว่าปีแล้ว เนื่องจากลูกสาวกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย้ายไปอยู่หอพักกับเพื่อน ส่วนนายธานีเป็นคนที่มาติดพันคบหากับนางพัชราพร และเข้านอกออกในบ้านที่เกิดเหตุเป็นประจำ สันนิษฐานว่านายธานีอาจจะรู้ว่ามีผู้ชายหลายคนมาติดพันนางพัชราพร ทำให้มีปากเสียงกันด้วยความหึงหวง กระทั่งนายธานีระงับอารมณ์ไม่อยู่ ใช้สายไฟรัดคอฆ่านางพัชราพรตายคามือ แล้วใช้สายไฟเส้นเดียวกันผูกคอตายหนีความผิด Bookmark and Share

สุวิทย์โต้ข้อครหา 'เสียค่าโง่'เขมร

เซ็งถูกด่า ชี้ลงนามไม่ผูกมัด 'พธม.'รุก เลิกMOU "สุวิทย์" ยันเสียงแข็ง มติ 5 ข้อที่ลงนามไม่ผูกมัดไทย แค่ขอให้เลื่อนการประชุมเท่านั้น ซัด "ซก อาน" ประกาศชนะหวังเรียกแต้มการเมืองในประเทศ แฉที่แท้การขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหารหยุดนิ่ง มา 2 ปีแล้ว ไม่ได้คืบหน้าอย่างที่โม้ บ่นเซ็งถูกพวกม็อบด่าว่าเสียค่าโง่ให้เขมร "ชวนันท์" โอ่ อ้างเอ็มโอยู 43 มีคุณูปการทำให้ยับยั้งเขมรไว้ได้ ขณะที่แกนนำพันธมิตรฯ ยื่นคำขาดให้รัฐบาลยกเลิกเอ็มโอยูอย่างเดียว ขู่หากดื้อดึงเจอม็อบลุยแน่ ด้าน "อภิสิทธิ์" เสียงอ่อย วอนคนกันเองอย่าปลุกม็อบ พร้อมเปิดไฟเขียวยื่นตีความตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 ส.ค. นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงหลังประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.ได้แต่งตั้งให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการในการติดตามเอกสาร และศึกษารายละเอียดทั้งหมด เพื่อเตรียมการประชุมคณะ กรรมการมรดกโลกครั้งต่อไปที่ประเทศบาห์เรน นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติให้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในปี 2555 ถัดจากประเทศบาห์เรนด้วย ส่วนกรณีการลงนามในข้อมติ 5 ข้อนั้น เอกสารดังกล่าวเป็นร่างข้อมติของประธานคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งไม่มีข้อผูกพันอะไร จึงลงนามเพื่อให้รับทราบไว้เท่านั้น และเป็นมติเดิมที่เคยตกลงไว้ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา ไม่ใช่มติใหม่ "แต่มีข้อหนึ่งเป็นข้อมติที่ให้เลื่อนการประชุมออกไปเป็นปีหน้า ดังนั้น ถือว่าเป็นผลประโยชน์ของฝ่ายไทย ถ้าเราลงมติตามข้อเสนอ 7 ข้อของกัมพูชาต่างหาก จะเป็นการยอมรับว่าที่ประชุมเห็นชอบตามกัมพูชาและทำให้การขึ้นทะเบียนมีความสมบูรณ์ ยืนยันว่าที่ได้ลงนามไปไม่มีข้อใดที่ระบุว่า พิจารณาหรือยอมรับเอกสารแผนบริหารจัดการพื้นที่ของกัมพูชาใดๆทั้งสิ้น เพราะเราไม่ยอมรับ ไม่เห็นด้วย และยังไม่ได้รับเอกสารดังกล่าว ดังนั้น จะให้เราพิจารณาได้อย่างไร ถึงแม้ว่าจะมีลายเซ็นย่อของตนก็ไม่ถือเป็นเอ็มโอยู หรือเป็นข้อผูกพันใดๆที่มีผลผูกมัดกับประเทศไทยไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม" นายสุวิทย์กล่าว นายสุวิทย์แถลงต่อว่า กรณีการระบุในข้อมติว่าให้จัดตั้งคณะกรรมการประสานงานนานาชาติ หรือไอซีซี เป็นการรายงานของกัมพูชาตามข้อมติเดิมที่ควิเบก แต่รัฐบาลไทยก็ไม่ได้ยอมรับ เพราะถึงแม้เป็นมติ แต่ถ้าจัดตั้งโดยกัมพูชาฝ่ายเดียวเราก็ยอมรับไม่ได้ ถ้าจะจัดตั้งไอซีซี ต้องพิจารณาองค์ประกอบว่ากรรมการจะมาจากไหน กระบวนการสรรหาเป็นอย่างไร และอำนาจหน้าที่จะเป็นอย่างไร ถ้าข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ชัดเจนเราก็ไม่เอาด้วย ตนได้ทำความเข้าใจกับประธานคณะกรรมการมรดกโลกแล้วว่า การลงนามครั้งนี้ไม่มีข้อความใดที่ไปยอมรับเอกสารของกัมพูชา ทำให้เกิดการผูกมัดกับไทยไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดนายซก อาน รมว.ต่างประเทศ กัมพูชา จึงประกาศว่าเป็นชัยชนะของกัมพูชา นายสุวิทย์ กล่าวว่า นายซก อาน จะพูดอะไรก็ได้ที่จะสร้างคะแนนนิยมในทางการเมืองในประเทศตัวเอง ตนจะประกาศว่าเป็นชัยชนะของไทยก็ไม่เสียหาย แต่ความจริงกัมพูชาไม่ได้ชนะ เพราะเอกสารของกัมพูชายังไม่ถูกพิจารณา คณะกรรมการมรดกโลกยังไม่ได้รับเอกสารของกัมพูชาด้วยซ้ำ สถานภาพของกัมพูชาจึงไม่มีความคืบหน้าใดๆ ยังอยู่จุดเดิม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว รัฐบาลไทยนอกจากจะไม่ยอมรับแผนของกัมพูชาแล้ว ยังคัดค้านไปถึงทุกฝ่ายตั้งแต่ประธานและคณะกรรมการมรดกโลก จุดยืนสำคัญของรัฐบาลไทยคือต้องปักปันเขตแดนให้ชัดเจนก่อน หากทำไม่เรียบร้อยก็ขอเลื่อนระเบียบวาระการประชุมได้ต่อไปจนกว่าจะเรียบร้อย เพราะการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจะมองข้ามความสำคัญของอำนาจอธิปไตยของประเทศที่อยู่ติดกันไม่ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว นายสุวิทย์ได้นำเอกสารที่รัฐบาลไทยยื่นคัดค้านแผนการบริหาร จัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ต่อคณะกรรมการมรดกโลกมาแจกจ่ายสื่อมวลชน พร้อมทั้งบ่นไปยังกลุ่มผู้ประท้วงว่า "หนักใจที่สุดตอนนี้คือคนไทยไม่เป็นเอกภาพ ต่อสู้มาขนาดนี้แล้วยังจะกล่าวหาว่าไปเสียค่าโง่ รู้สึกเหนื่อยใจมาก ถ้าจะถูกถอดถอนเพราะเรื่องนี้ก็ยอม เพราะ ไม่ใช่เพิ่งโดนครั้งแรก" นายสุวิทย์กล่าว ที่สำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ นายซูซาน วิลเลียมส์ หัวหน้าฝ่ายหน่วยงานข้อมูลข่าวยูเนสโก เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการรับมติเรื่องแหล่งมรดกโลกปราสาทพระวิหาร โดยนายชูลา เฟร์ไรรา ประธานคณะกรรมการมรดกโลก และ รมว.วัฒนธรรมของบราซิล ได้ยื่นมติซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคณะผู้แทนไทยและกัมพูชา รับขั้นตอนของประเทศกัมพูชาในการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศเพื่อการคุ้มครองปราสาทพระวิหารอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ มติดังกล่าวยังมีการรับทราบถึงการที่ศูนย์มรดกโลก ได้รับเอกสารที่ยื่นโดยประเทศกัมพูชา โดยทางคณะกรรมการจะพิจารณาในการประชุมครั้งที่ 35 ในปี 2554 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีสถานะของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับวันที่ 14 มิ.ย.2543 ว่า แผนที่ฉบับ 1 : 200,000 ตามอนุสัญญาเวียนนาฉบับปี 1904 ที่ไประบุไว้ในข้อ 1 ค ของเอ็มโอยู ปี 43 ไม่ใช่แปลว่าเราไปยอมรับแผนที่ดังกล่าว เพราะเอ็มโอยูที่ทำขึ้นนั้นไม่ใช่ข้อตกลงหรือสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เป็นเพียงความตกลงที่จะเริ่มเจรจา ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 1908 ที่มีแผนที่ฉบับดังกล่าว ซึ่งกัมพูชายึดถือแต่เพียงฝ่ายเดียว เป็นการวาดแผนที่ไม่ตรงกับสันปันน้ำที่แท้จริง และฝ่ายไทยไม่ได้ประท้วง เป็นเหตุให้เมื่อมีการขึ้นศาลโลก ปี 2505 กัมพูชาได้แนบแผนที่ฉบับนั้นไปให้ศาลโลกพิจารณาตัดสินความเป็นเจ้าของตัวปราสาทพระวิหาร ทำให้เราพ่ายแพ้ในครั้งนั้น นายชวนนท์กล่าวต่อว่า จนเมื่อปี 2543 รัฐบาลเห็นว่า หากปล่อยให้กัมพูชายึดแผนที่ฉบับนั้น และไทยยึดสันปันน้ำต่อไป ความขัดแย้งมีแต่จะบานปลายมากขึ้น จึงชวนกัมพูชามาลงนามในบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยู 2543 เพื่อปักปันเขตแดนตามอนุสัญญาและสนธิสัญญาต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยใช้หลักสันปันน้ำ กัมพูชาก็ตกลง แต่ขอให้แนบแผนที่ 1 : 200,000 ประกอบการพิจารณา แต่การแนบแผนที่นั้นไม่ได้หมายความว่าไทยยอมรับ เพราะเส้นเขตแดนมีอยู่แล้วตามสันปันน้ำและเอ็มโอยู เป็นแต่เพียงทำให้สันปันน้ำปรากฏบนแผนที่ฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นเท่านั้นเอง "การประชุมมรดกโลกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ คุณูปการของเอ็มโอยู หากเราไม่มีเอ็มโอยู กัมพูชาก็จะแนบแผนที่ 1 : 200,000 เข้าไปเหมือนปี 2505 และเหตุการณ์จะกลับไปเหมือนเมื่อ 50 ปีที่แล้ว คณะกรรมการมรดกโลกจะบอกว่าแผนที่นี้เป็นแผนที่ฉบับเดียวที่มี และไทยไม่เคยปฏิเสธอย่างเป็นทางการ แต่ในทางกลับกันเมื่อเรามีเอ็มโอยู ทำให้กัมพูชาไม่สามารถแสดงถึงเส้นเขตแดน และพื้นที่บริหารจัดการที่ชัดเจนได้ และไม่สามารถบอกได้ว่าพื้นที่กันชนจะอยู่ตรงไหน โดยในรายละเอียดการเสนอต่อมรดกโลกตามรายงานของกัมพูชา ระบุไว้ชัดเจนว่า แผนที่ที่ชัดเจนจะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา จะพิจารณาร่วมกันแล้วเสร็จ จึงเห็นชัดเจนว่าเอ็มโอยูฉบับนี้จึงเป็นสิ่งเดียวที่จะยับยั้งกัมพูชาในการขึ้นทะเบียนมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวในครั้งนี้ได้" นายชวนนท์กล่าว ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงในการทำความเข้าใจปัญหาชายแดนกับกัมพูชาว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์ของทหารในพื้นที่ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาไม่มีการปฏิบัติใดที่นอกเหนือไปจากเดิม ไม่มีการเพิ่มกำลังหรือเคลื่อนย้าย เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังอยู่กันอย่างปกติ คงเป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลคือ ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คงใช้มาตรการในการพูดคุยเจรจาเป็นกลไกแก้ปัญหา ส่วนที่มีชาวกัมพูชาเข้ามาอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนเป็นเรื่องของคณะกรรมการที่ต้องไปพูดคุยกัน คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ช่วงปลายเดือนนี้คงมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ตามปกติ เพราะขณะนี้ความสัมพันธ์การไปมาหาสู่กันยังเป็นปกติ ขณะที่เครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ นำโดย นายวีระ สมความคิด กล่าวถึงกรณีที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ลงนามกับกัมพูชาในการประชุมมรดกโลกที่บราซิล ว่า เอกสารการลงนามที่กัมพูชายื่นไปในที่ประชุมครั้งนี้ มีการพูดถึงแผนที่ระบุว่า ข้อ 1. รับในเอกสารนี้ ข้อ 2. เป็นการทบทวนว่า ผู้ที่ลงนามต้องปฏิบัติตามมติการประชุม ครั้งที่ 31, 32 และ 33 ข้อ 3. ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกรับเอกสารชิ้นนี้ ไม่ ถือเป็นการยื่นที่ผิดระเบียบ แม้แต่ประเทศไทยก็ไม่ได้ค้าน ข้อ 4. ต่อไปนี้จะแสดงความยินดีที่กัมพูชาเดินหน้าในการจัดตั้งคณะกรรมการไอซีซี เพื่ออนุรักษ์ปราสาทพระวิหารอย่างยั่งยืนต่อไป และข้อ 5. ตกลงกันว่าในการประชุมปีหน้าจะมาพูดถึงเอกสารชิ้นนี้ รวมถึงแผนที่จะพัฒนาปราสาทพระวิหารให้ยั่งยืนต่อไป ซึ่งไม่มีตรงไหนที่บอกว่า นายสุวิทย์คัดค้านตามที่รัฐบาลสั่งให้ไปคัดค้าน แต่เอกสารชิ้นนี้กลับผูกมัดให้ไทยยอมรับในข้อเสนอของกัมพูชา และไม่ได้ปฏิเสธแผนที่ 1 : 200,000 "ถ้ามีการยกเรื่องนี้เข้าสู่การฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะมีการพิพากษาออกมาได้ว่าการกระทำของนายสุวิทย์ ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าขัดแล้วเราจะปฏิเสธว่าไม่ผูกพันกับไทยได้หรือไม่ ในเมื่อนายสุวิทย์ไปในนามตัวแทนรัฐบาลไทย กัมพูชาจะยอมให้ไทยปฏิเสธหรือไม่ ตนรู้สึกว่าไทยเสียเปรียบ รัฐบาลจะต้องตอบมาว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เพราะกัมพูชาได้ประกาศชัยชนะไปแล้ว ตรงกันข้ามกับที่รัฐบาลไทยออกมาบอกว่าเราไม่ได้เสียเปรียบ เพียงแต่ลงนามรับร่างเท่านั้น อีกทั้งการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯระบุว่า ไทยยังไม่เซ็นรับร่างของกัมพูชานั้น อาจเป็นเพราะนายกฯยังไม่ได้เห็นเอกสารที่นายสุวิทย์ได้ เซ็นในวันนั้น ในเมื่อนายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้เห็นเอกสารจะตีความได้หรือไม่" นายวีระกล่าว เมื่อถามว่า การยกเลิกเอ็มโอยู 43 จะนำไปสู่ การผลักดันประชาชนและทหารกัมพูชาออกไปจากพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ นายวีระกล่าวว่า ตนไม่พอใจและรู้สึกว่ารัฐบาลทำผิดพลาดมาตลอด คือการที่ยอมให้คนกัมพูชาเข้าไปยึดดินแดนของไทยเป็นเวลากว่า 10 ปี และไม่ผลักดันออกไป จะมาบอกว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ทับซ้อนได้อย่างไร เราต้องไม่หลงประเด็น กัมพูชาจะมาขออ้างแผนที่ 1:200,000 แล้วมาลงนามในเอ็มโอยู 43 เพื่อปักปันเขตแดนใหม่ ซึ่งไม่มีความจำเป็น จึงควรจะยกเลิกเอ็มโอยู 43 ทันที เมื่อถามว่า ถ้ารัฐบาลยังยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกเอ็มโอยู 43 จะทำอย่างไร นายวีระกล่าวว่า เราจะพิจารณาต่อไปว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายที่ทำให้ไทยเสียดินแดนและอธิปไตยหรือไม่ โดยจะดำเนินการที่จะจัดการรัฐบาลโดยใช้กฎหมาย ซึ่งคงต้องรอในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ที่พวกเราจะไปฟังคำตอบจากนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาล ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯไม่พอใจนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ไปลงนามในมติการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก อาจทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชากรณีปราสาทพระวิหารว่า ยืนยันว่าในการลงนามต่างๆ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ไม่มีอะไรที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ เอกสารที่ปรากฏอยู่ในคณะกรรมการมรดกโลกขณะนี้ น่าจะเป็นการยืนยันได้ว่าเอ็มโอยูเป็นส่วนสำคัญให้กัมพูชาไม่สามารถใช้แผนที่ที่เขาต้องการจะใช้ได้ ถ้าเอ็มโอยูไปรับรองแผนที่ได้ กัมพูชาคงยื่นแผนที่เข้าพิจารณาไปแล้ว แต่ที่ยื่นแผนที่ไม่ได้ เพราะติดขั้นตอนการดำเนินการของเอ็มโอยู ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มที่ออกมาคัดค้านต้องการให้ยกเลิกข้อเอ็มโอยู 43 โดยยื่นคำขาดว่าหากภายในวันที่ 7 ส.ค. ไม่มีการยกเลิกเอ็มโอยู จะชุมนุมหน้าทำเนียบ รัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พูดตรงๆ ตนไม่อยากให้มีการชุมนุม อยากให้เอาตัวแทนมาพูดคุยกับคนทำงาน ที่ผ่านมาคุยกันก็เป็นกลุ่มเดียวบ้าง คนละกลุ่มบ้าง มันยังไม่ชัดเจนว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มเดียวกันหรือไม่ มั่นใจว่าสิ่งที่นายสุวิทย์ไปทำงานในฐานะหัวหน้าดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย การยื่นตรวจสอบตีความตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ไม่มีปัญหา เป็นสิทธิที่ทำได้ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการมรดกโลกปี 2012 โดยมีประเทศกัมพูชาเสนอตัวเป็นคู่แข่ง และนายกฯสั่งให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมความพร้อมการเป็นเจ้าภาพ และศึกษาแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร เพื่อดูแนวทางต่อสู้กับกัมพูชา มีนายสุวิทย์เป็นประธาน โดยให้คณะกรรมการชุดดังกล่าวเดินสายชี้แจงประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกในช่วง 1 ปีหลังจากนี้ ซึ่งขณะนี้แนวโน้มการตัดสินใจของประเทศใหญ่ๆ ยังไม่ชัดเจน แต่ไม่เอนเอียงเข้าข้างประเทศไทยมากนัก หลายประเทศไม่แสดงจุดยืน เนื่องจากไม่ต้องการทะเลาะกับไทย-กัมพูชา แต่มีประเทศใหญ่ 3-4 ประเทศที่ต้องล็อบบี้ให้ได้ เพราะมีบทบาทในการอนุรักษ์มรดกโลก จึงต้องโน้มน้าวให้เห็นความสำคัญเรื่องเขตแดน ก่อนที่จะเข้าไปบริหารจัดการในพื้นที่ ยอมรับว่าขณะนี้กัมพูชาเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะเหตุผลหลายอย่าง Bookmark and Share

แรงดูดภูมิใจไทย ดึง5ส.ส. จากพรรคพท.-พผ.

เนวินเร่งสร้างกระแส เพื่อไทยตะเพิด4กบฏ พรรคภูมิใจไทยโชว์พลังดูด ส.ส. เปิดตัว 2 พท.-3 พผ.ร่วมงาน แถม "สนธยา คุณปลื้ม" ส่งเมียเข้าร่วมประชุมพรรคด้วย "เนวิน" ลั่นปัจจัยสนับสนุนมีพร้อมทุกด้าน สั่งลูกทีมเร่งสร้างกระแสพรรคครองใจชาวบ้าน ขณะที่พรรคเพื่อแผ่นดินเย้ย ภท.หวั่นไหวกลัวแพ้เลือกตั้ง ประณามพฤติกรรมซื้อตัว ส.ส. ด้านพรรคเพื่อไทยติดประกาศห้าม 4 ส.ส.กบฏเข้าพรรค แถมนัดลงมติขับไล่ เล็งซักฟอกมหาดไทยจัดงบปี 54 ดูด ส.ส. "อภิสิทธิ์" ทำบุญตักบาตรวันเกิด 46 ปี เผยเมียให้นาฬิกาเป็นของขวัญ "เสธ.หนั่น" เป็นตัวแทน ครม.อวยพรให้อยู่ครบเทอม "อนุพงษ์" โต้ข่าวบูรพาพยัคฆ์ผงาดยกแผง ยันกองทัพเป็นหนึ่งเดียวไม่มีแบ่งกลุ่ม ถึงแม้หลายฝ่ายมองว่าการเลือกตั้งใหม่จะยังไม่มีเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่การเคลื่อนไหวย้ายพรรค และข่าวการซื้อตัว ส.ส.กลับมีความคึกคัก โดยล่าสุดพรรคภูมิใจไทยได้เปิดตัว ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินที่จะย้ายมาอยู่ด้วย "สนธยา" พาเมียเข้าซบภูมิใจไทย เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 ส.ค. ที่พรรคภูมิใจไทย มีการประชุมพรรคภูมิใจไทย โดยก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้น นายสนธยา คุณปลื้ม อดีต ส.ส.ชลบุรี ที่ถูกตัดสิทธิ ทางการเมือง พร้อมนางสุกุมล คุณปลื้ม ภรรยา เดินทางมาร่วมรับประทานอาหารกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย จากนั้นนางสุกุมลได้เข้าร่วมประชุมพรรค ภูมิใจไทยด้วย ขณะที่นายสนธยาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการอาจเข้ามาทำงานร่วมกับพรรคภูมิใจไทยว่า ขณะนี้ไม่สามารถทำงานการเมืองหรือลงสมัคร ส.ส.ได้ ส่วนทิศทางของกลุ่มชลบุรีจำนวน 8 คน ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะเข้ามาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ การทำงานอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา และนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยังคงดีอยู่ ไม่มีปัญหาอะไรกัน แต่ในทางการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กลุ่มชลบุรีไม่ได้เป็น ส.ส. เพราะ ส.ส.ในพื้นที่เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด แต่มั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้ากลุ่มชลบุรีจะสามารถกวาดที่นั่ง ส.ส.ชลบุรี รวมถึง ส.ส.ระยองบางส่วนกลับมาได้ทั้งหมด เปิดตัว 2 ส.ส.พท.-3 ส.ส.พผ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทยครั้งนี้ ได้มีการเปิดตัว ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ต่างพรรคที่มาเข้าร่วมด้วยได้แก่ นายสมบูรณ์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก พรรคเพื่อไทย นายยุซรี ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี พรรคเพื่อแผ่นดิน และมี ส.ส.จากพรรคเพื่อแผ่นดินที่เคยเปิดตัวไปแล้วมาร่วมประชุมด้วยเช่น นายนิมุคตาร์ วาบา ส.ส.ปัตตานี และนายมานพ ปัตนวงศ์ ส.ส.นราธิวาส ลั่นยอด ส.ส.ทะลุ 60 คนแล้ว น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงหลังการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมได้มีการแนะนำ ส.ส.ที่มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย 5 คน และก่อนหน้านี้ น.ส.มัลลิการ์ จิรพันธุ์วาณิช ส.ส.ลพบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ลูกสาวนายกมล จิรพันธุ์วาณิช อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยแล้วระยะหนึ่ง รวมถึงนางรัชนี พลซื่อ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อแผ่นดินได้เปิดตัวไปแล้วในพื้นที่ที่ จ.ร้อยเอ็ด ผู้สื่อข่าว ถามว่ายอด ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยขณะนี้มีเท่าไหร่ ประมาณ 58 คนใช่หรือไม่ น.ส.ศุภมาสตอบว่า มากกว่านั้น แต่พรรคตั้งเป้าว่ามี ส.ส.ไม่เกิน 100 คน เพราะพรรคขนาดใหญ่ ดูแลลำบาก กำหนดเป็นพรรคขนาดกลางค่อนไปทางเล็ก ทุกคนสบายใจ เราไม่ต้องการเป็นพรรคอันดับ 1 อันดับ 2 หรือเป็นพรรคใหญ่โต แค่ต้องการให้มีบุคลากรที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองตรงกันมาทำงานร่วมกัน โวลั่นจะโชว์พลังดูดอีก ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเปิดตัว ส.ส.อีกหรือไม่ น.ส.ศุภมาสตอบว่า การประชุมครั้งหน้าจะมีการเปิดตัวอีก แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร เมื่อถามว่ามีการเปิดตัว ส.ส.หลายคนเป็นระยะ เท่ากับว่ามีการดูด ส.ส.อย่างที่พรรคเพื่อไทยระบุหรือไม่ น.ส.ศุภมาสตอบว่า เป็นสิทธิของ ส.ส.ที่มีอุดมการณ์ตรงกันต้องการมาทำงานร่วมกัน เมื่อถามว่ามีแรงจูงใจอะไรให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาร่วมงานด้วย รองโฆษกพรรคภูมิใจไทยตอบว่า เป็นเรื่องการทำงานของพรรคที่มีความเป็นเอกภาพ เมื่อถามว่า การดูด ส.ส.เข้าพรรคจะทำให้เกิดความไม่พอใจในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ รองโฆษกพรรคภูมิใจไทยตอบว่า เป็นเรื่องปกติที่ ส.ส.ย้ายพรรค เมื่อถามอีกว่าอาจทำให้เกิดปัญหากับนายบรรหาร ศิลปอาชา หรือไม่ น.ส.ศุภมาสตอบว่า ท่านเห็นการเมืองมาเยอะ คงจะเข้าใจว่าเป็นอย่างไร เมื่อถามว่ามี ส.ส.เพิ่มมากขึ้นจะทำให้อำนาจการต่อรองมากขึ้นหรือไม่ น.ส.ศุภมาสตอบว่า ต้องดูผลการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่คิดว่าการมี ส.ส.มากขึ้นทำให้สามารถทำงานให้ประชาชนมากขึ้น กระจายงบประมาณได้ทั่วถึงขึ้น "เนวิน" กระตุ้นลูกทีมเร่งสร้างเรตติ้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมพรรคภูมิใจไทย ได้มีการรายงานถึงความคืบหน้าการทำงานของพรรค และการที่มี ส.ส.จากต่างพรรคเข้าร่วมงานเป็นระยะๆ จากนั้นนายเนวินได้กล่าวในที่ประชุมพรรคว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย คนที่อยู่ต่างประเทศได้สั่งการให้หัวหน้ากลุ่มดูแล ส.ส.คนละ 10 คน น้ำเลี้ยงต่างๆทางต่างประเทศจะส่งตรงมาเอง เพื่อไม่ให้ ส.ส.ไหลออกจากพรรค ส่วนพรรคภูมิใจไทยขณะนี้ถือว่ามีความพร้อมทุกอย่าง ซึ่งได้รวบรวมหัวหน้ากลุ่มโดยเฉพาะบรรดาสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ให้เข้ามาร่วมงาน และเป็นแนวร่วมของพรรคภูมิใจไทย รวมถึงบรรดา ส.ส.ต่างพรรคที่จะเข้ามาร่วมงาน อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนในด้านต่างๆก็มีความพร้อม จึงมั่นใจว่าจะเป็นพรรคที่เจริญเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามพรรคภูมิใจไทยยังขาดกระแส ที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้ประชาชนเลือกคนของพรรค ดังนั้นผู้สมัครทุกคนต้องสร้างกระแสให้พรรคยึดครองใจของประชาชนให้ได้ ด้วยการลงพื้นที่ทำงาน และประชาสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้เมื่อมีการแยกอำเภอบึงกาฬขึ้นมาเป็นจังหวัด แยกออกจากจังหวัดหนองคายแล้ว พรรคภูมิใจไทยต้องได้ ส.ส.จากจังหวัดนี้ 2-3 คน โดยมอบหมายให้นายทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นตัวหลักในการดำเนินการ พผ.เย้ย ภท.กลัวแพ้เลือกตั้ง ด้าน นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ โฆษกวอร์รูม การเมืองพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงภายหลังการประชุมพรรคเพื่อแผ่นดินว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีที่พรรคภูมิใจไทยพยายามสร้างความเป็นแม่เหล็กทางการเมือง ด้วยการเปิด ตัวผู้ที่จะมาสังกัดพรรคด้วยการดึง ส.ส.จากพรรคอื่นมาสมทบ แสดงให้เห็นถึงความหวั่นไหวในตัวเอง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานที่พรรคภูมิใจไทยรู้ตัวแล้วว่า หากมีการเลือกตั้งในระยะอันใกล้ โอกาสที่จะได้ ส.ส.เข้าสภามีน้อยมาก จึงต้องพยายามสร้างภาพให้เห็นว่ามีแรงดึงดูด เป็นพรรคใหญ่มี ส.ส.มากในอนาคต เพื่อลดความวิตกกังวลของตัวเอง ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีข่าวนางรัชนี พลซื่อ ส.ส.ร้อยเอ็ด กลุ่มพญานาค จะไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย นพ.ภูมินทร์ตอบว่า ไม่เป็นความจริง อยากให้ยึดคนที่ไปปรากฏตัวที่พรรคภูมิใจไทยเท่านั้น คนที่ไม่ไปปรากฏตัวแสดงว่าไม่ไปไหน โดยเฉพาะการอ้างว่าเคยไปแสดงตัวในพื้นที่แล้วนั้น เป็นเรื่องปกติหากมีรัฐมนตรีคนใดลงพื้นที่ ส.ส.ในจังหวัดนั้นก็ต้องไปต้อนรับ ยกเว้นนายยุซรี ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี ที่มีความชัดเจนนานแล้ว เราไม่นับว่านายยุซรีเป็น ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดินนานแล้ว ประณามใช้เงินซื้อตัว นพ.ภูมินทร์กล่าวด้วยว่า พรรคได้หารือถึงกระแสข่าวการใช้เงินดูด ส.ส.อย่างหนักในช่วงนี้ โดยขอประณาม ส.ส.ที่ขายตัวและประณามพรรคการเมืองที่ใช้อำนาจเงินดูด ส.ส. เพราะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ทางการเมืองไทยตกต่ำลงไปอีก ทราบมาว่าขณะนี้มีทั้งการใช้เงินสดๆดึงกัน และเม็ดเงินงบประมาณ มีสัญญาข้อตกลงว่าเมื่อมีการเลือกตั้งจะได้เงินเท่านั้นเท่านี้ ทำให้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และพรรค การเมืองที่ดำเนินการเรื่องนี้ถือว่าแย่มาก ทั้งนี้ พรรคเพื่อ แผ่นดินยืนยันชัดเจนที่จะเดินหน้าทำงานทางการเมืองในนามพรรคต่อไป ไม่ยุบหรือไปรวมตัวกับพรรคใดแน่นอน และภายในเดือน ส.ค.จะย้ายที่ทำการพรรคไปอยู่ใกล้ถนนสุโขทัย พท.ติดประกาศห้าม 4 ส.ส. เข้าพรรค ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่พรรคได้นำประกาศขนาดเอ 4 ติดไว้ที่ประตูทางเข้าพรรคทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีรูปหน้าตรงของ ส.ส. 4 คน พร้อมเนื้อหาระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ที่มีรายนามต่อไปนี้ ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ส.ส.สัดส่วน นายสมบูรณ์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.สัดส่วน เป็นบุคคลที่ไม่ปฏิบัติตามมติและแนวทางการดำเนินการของพรรค โดยกระทำตนเป็นปฏิปักษ์ และฝ่าฝืนแนวนโยบายของพรรคอย่างชัดแจ้ง ซึ่งทางพรรคกำลัง ดำเนินการเพื่อให้พ้นจากสมาชิกภาพของพรรคตามขั้นตอนต่อไป และไม่ให้ทำกิจกรรมในนามพรรคอีก จึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน ลงชื่อพรรคเพื่อไทย พร้อมกันนี้มีการกำชับ รปภ.ของพรรคห้ามให้ ส.ส.ทั้ง 4 เข้ามาภายในบริเวณที่ทำการพรรคโดยเด็ดขาด นัดลงมติขับไล่พวกกบฏ นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมมีมติเรียกประชุม ส.ส.ในวันที่ 10 ส.ค. เพื่อลงมติขับ ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรี และนายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส. สกลนคร ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ส่วนนายนิคม เชาว์กิตติโสภณ นายสมบูรณ์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.สัดส่วน และนายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม มีพฤติกรรมไปร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองอื่น คณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณของพรรคจะดำเนินการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคอีกครั้ง เตรียมซักฟอก มท.จัดงบฯดูด ส.ส. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย และกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านกำลังตรวจสอบข้อมูลการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายที่จะเข้าสภาวันที่ 18-19 ส.ค. โดยมีข้อมูลที่จะนำไปอภิปรายหรือส่งให้พรรคเพื่อไทยนำไปพูดในสภาถึงการจัดสรรงบประมาณที่ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะงบประมาณในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เบื้องต้นมีข้อมูลว่ามีความพยายามเกลี่ยงบประมาณลงพื้นที่ของ ส.ส.ในพรรคหลายพรรคในรัฐบาล แต่การตรวจสอบอาจทำไม่ได้ง่าย เพราะในแผนค่าใช้จ่ายงบ ประมาณจะไม่บอกรายละเอียด ไม่ได้ชี้แจงการจัดสรรไปลงในพื้นที่ใด กลวิธีที่รัฐบาลจะจัดสรรงบเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองคือ ดูดหรือซื้อตัว ส.ส.ผ่านงบประมาณการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อให้ ส.ส.ย้ายมาอยู่กับรัฐบาล ดังนั้น กรรมาธิการฯในส่วนของพรรคเพื่อไทยเตรียมอภิปรายเปิดโปงกรณีดังกล่าวในการประชุมพิจารณางบประมาณในสภาแน่นอน ปชป.เอาจริงลงโทษ ส.ส.โดดร่ม บ่ายวันเดียวกัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม. ร่วมแถลงข่าวถึงกรณีที่มีการเปิดเผยรายชื่อ 6 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถูกขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากไม่ค่อยเข้าประชุมสภาและไม่ร่วมลงมติโหวตกฎหมายหลายฉบับ โดย นพ. วรงค์กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมวิปรัฐบาลเพื่อหารือถึงการดูแล ส.ส.ในการประชุมสภา ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องความเกรงใจ จึงมีมติให้ ส.ส.ที่อาวุโสน้อยติดตาม ส.ส.ที่มีอาวุโสน้อย ส่วนผู้ที่มีอาวุโสมากก็ให้ติดตาม ส.ส.ที่มีอาวุโสมาก หากใครขาดการประชุมสภาบ่อย วิปรัฐบาลจะสรุปรายชื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาไม่ส่งรับสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยในส่วนรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์หากขาดการประชุมและไม่อยู่ร่วมลงมติ วิปรัฐบาลจะรวบรวมรายชื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อปรับ ครม.ในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งนี้พรรคเข้มงวดกับมาตรการนี้ โบ้ยสื่อผิดพลาดลงข่าว 6 ส.ส.หลังยาว ส่วนนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ส.ส.ที่มีชื่อติดแบล็กลิสต์ขาดประชุมสภาบ่อย กล่าวว่า ข่าวที่ลงไปมีความคลาดเคลื่อนและผิดพลาดมาก เพราะ ส.ส.ทั้ง 6 มาทำงานเกือบ 100% เพราะช่วงที่มีการประชุมสภาก็มาโหวตทุกครั้ง ไม่เคยพลาด ถือเป็นหน้าที่สำคัญที่สุด นอกจากนี้ตนเป็นผู้ประสานงานวิปรัฐบาล คอยติดตามหัวหน้ากลุ่มทุกกลุ่มมาร่วมประชุม ทำหน้าที่เต็มที่ทุกครั้ง จึงอยากให้สื่อที่ลงข่าวคลาดเคลื่อนได้มีการขอโทษและอธิบายต่อประชาชนอย่างเป็นทางการ ขณะที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม. 1 ใน 6 ส.ส. ที่ตกเป็นข่าวอีกคน กล่าวว่า ขอชื่นชมการทำงานของสื่อที่ติดตามตรวจสอบ ส.ส.ที่ไม่เข้าประชุม แต่อยากให้ เสนอข่าวให้ถูกต้อง เพราะข่าวออกมารู้สึกไม่สบายใจ ตนตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ถ้าเป็น ส.ส.แล้วไม่ร่วมโหวตก็อย่าเป็นดีกว่า เชื่อว่า ส.ส.ทุกคนทำหน้าที่เกิน 80% แต่ ถ้าสื่อจะตรวจสอบว่าใครลงมติกี่ครั้งขอให้เช็กให้ดีว่าใครไม่ทำหน้าที่ "อภิสิทธิ์" ตักบาตรวันเกิด 46 ปี เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ที่บ้านซอยสุขุมวิท 31 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 1 รูป ที่นิมนต์มาจากวัดอุทัยธาราม ย่านพระราม 9 เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิด 46 ปี โดยนายอภิสิทธิ์ได้ใส่บาตรเพียงลำพังคนเดียว ไม่มีสมาชิกในครอบครัวมาร่วมด้วย ขณะที่บริเวณรอบบ้านยังคงมีกำลังทหารจาก กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) และเจ้าหน้าที่ ตำรวจทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตามปกติ "เสธ.หนั่น" นำทีม ครม.ร่วมอวยพร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม.วันเดียวกัน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เป็นตัวแทน ครม.มอบกระเช้าดอกไม้ขนาดใหญ่ พร้อมกล่าวอวยพรวันเกิดแก่ นายอภิสิทธิ์ว่า นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้เป็นตัวแทน ครม.กล่าว อวยพรนายกฯ ได้ร่วมทำงานกันมา 1 ปี 6 เดือน นายกฯ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถ และแสดงให้เห็นว่ามีกำลังใจแข็งแกร่ง ทำงาน บริหารประเทศชาติโดยผ่านพายุวิกฤติลูกใหญ่ที่สุดลูกหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ ด้วยสติปัญญาเฉียบแหลมและความสามารถ ผลงานที่ถือว่าสุดยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จของรัฐบาลชุดนี้คือการแก้ไขปัญหาความยากจน ขออำนาจ คุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช และพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้โปรดดลบันดาลให้นายกฯพร้อมภรรยาและครอบครัวได้ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง ขอให้อยู่ทำงานจนครบวาระในเวลาที่เหลืออยู่อีกเกือบ 2 ปีข้างหน้า แล้วในสมัยหน้าเราก็มาทำงานร่วมกันใหม่ ซึ่งนายกฯได้ยกมือไหว้กล่าวขอบคุณด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ปลื้มเด็กพิเศษมอบเค้กนิวคาสเซิล ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต นายอภิสิทธิ์ไปเป็นประธานเปิดกีฬาสเปเชียลโอลิมปิกแห่งชาติประจำปี 2553 โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เป็นผู้กล่าวรายงาน มีนักกีฬาเยาวชน ที่มีปัญหาทางสมองและปัญญากว่า 500 คนเข้าร่วม หลังจาก นายอภิสิทธิ์กล่าวเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ได้นั่งดูการแข่งขันฟุตซอล 5 คน และมอบเหรียญรางวัลให้แก่ นักกีฬาผู้ชนะ พร้อมโล่เกียรติยศแก่บรรดาผู้สนับสนุนการแข่งขัน ก่อนที่ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะทำเซอร์ไพรส์ โดยให้นายศุภกร เกษแม่นกิจ เป็นตัวแทน นักกีฬาสเปเชียลโอลิมปิก ถือเค้กรูปเสื้อทีมสโมสรฟุตบอล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เขียนอักษร "MARK" มีหมายเลข 3 ใต้ตัวอักษร พร้อมปักเทียน 1 เล่ม เดินออกจากอุโมงค์นำมามอบแสดงความยินดีในวันคล้ายวันเกิดของนายอภิสิทธิ์ ท่ามกลางเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์จากวงดุริยางค์ และเสียงร้องจากผู้ที่มาร่วมงานดังทั่วงาน เผยเมียให้นาฬิกาของขวัญวันเกิด นายอภิสิทธิ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงวันครบรอบวันเกิด 46 ปีว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชนจำนวนไม่น้อยที่อวยพรมา สิ่งที่อยากเห็นคงเหมือนในใจคนไทยทั้งประเทศ คืออยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าด้วยความสงบสุข และถ้าได้เห็นประชาชนมีความสุขก็เป็นความสุขที่มีโอกาสทำงานให้บ้านเมือง ในส่วนครอบครัวของตนก็ให้กำลังใจตามปกติ ปีนี้ภรรยาให้นาฬิกาเป็นของขวัญ เพราะเรือนที่ใช้อยู่ได้ใส่มา 15 ปีแล้ว "ชวน" นำลูกพรรคร่วมเบิร์ธเดย์ จากนั้นเวลา 17.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทน ส.ส.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มอบกระเช้าดอกไม้อวยพรวันเกิดนายอภิสิทธิ์ ก่อนเข้าร่วมประชุม ส.ส.ของพรรค ทั้งนี้ นายชวนได้ตบแขนนายอภิสิทธิ์เพื่อให้กำลังใจ จากนั้น ส.ส.และสมาชิกพรรคร่วมกันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ และตะโกนขอให้เป็นนายกฯอีก 2 สมัย จากนั้น น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นตัวแทน ส.ส.หญิงมอบกระเช้าอวยพร ตามด้วย ส.ส.จากภาคต่างๆ ชทพ.หยอดหวานอดทน-ตัดสินใจดี ต่อมามีตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และนายธีระ วงศ์สมุทร รมว. เกษตรและสหกรณ์ เข้าอวยพร โดยนายชุมพลกล่าวว่า ขอให้นายกฯ มีสุขภาพแข็งแรง นำรัฐนาวาผ่านไปให้ได้ และเชื่อว่าจะทำได้เพราะเป็นคนเก่ง ไม่เคยคิดว่านายกฯจะเก่งได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความอดทนและการตัดสินใจดี สามารถนำรัฐบาลมาได้จนถึงวันนี้ ขอให้ นำรัฐนาวาอยู่จนครบ 4 ปี ขณะที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา มอบหมายให้นายนิกร จำนง คนใกล้ชิด นำกระเช้าที่มีข้อความอวยพรว่า "เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิดท่านนายกฯอภิสิทธิ์ ผมขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้ท่านนายกฯมีสุขภาพดี จิตใจเข้มแข็ง ทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและมีแต่ความสุขมาสู่ ครอบครัวตลอดไป" โดยนายอภิสิทธิ์ได้บอกให้นายนิกรต่อสายโทรศัพท์ไปหานายบรรหารเพื่อขอบคุณด้วยตัวเอง ซึ่งนายบรรหารได้อวยพรซ้ำอีกครั้งราว 5 นาที ครม.ไฟเขียวตั้งจังหวัดบึงกาฬ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดที่ 77 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมา โดยแยกออกจาก จังหวัดหนองคาย เนื่องจากมีคุณสมบัติครบถ้วนในการ เป็นจังหวัดใหม่คือ มี 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.บึงกาฬ อ.เซกา อ.โซ่พิสัย อ.พรเจริญ อ.ปากคาด อ.บึงโขงหลง อ.ศรีวิไล และ อ.บุ่งคล้า มีประชากรเกือบ 4 แสนคน จากเกณฑ์ 3 แสนคน และมีรายได้ 89 ล้านบาท/ปี จากเกณฑ์รายได้ 2.5 ล้านบาท/ปี มีความพร้อมเรื่องสาธารณูปโภค ทั้งศาลากลาง อำเภอ สำนักงานอัยการ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ แขวงการทาง สถานีตำรวจน้ำ นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่รูปแบบพิเศษติดชายแดนลาว 330 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม แม้จังหวัดบึงกาฬมีพื้นที่ 4,305 ตร.กม. ซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ 5,000 ตร.กม. แต่มีข้อยกเว้นให้ เพราะที่ผ่านมา จ.หนองบัวลำภูและอำนาจเจริญก็มีพื้นที่ไม่ถึงเกณฑ์เช่นกัน ก่อนหน้านี้กระทรวงมหาดไทยสำรวจความเห็นของประชาชนในพื้นที่จากการประชุมประชาคมหมู่บ้านพบว่า ประชาชน 98 เปอร์เซ็นต์เห็นด้วย องค์กรปกครองท้องถิ่นเห็นด้วยร้อยละ 96 และหัวหน้าส่วนระดับอำเภอ 100 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วย ทั้งนี้ นายกฯมอบให้กระทรวงมหาดไทยไปรวบรวมรายละเอียด และทบทวนข้อสังเกตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอกฎหมายเข้าสู่สภา เผย "เนวิน" ถือเคล็ดเสริมดวงเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า แนวคิดในการตั้ง จ.บึงกาฬ มีมาตั้งแต่ปี 2535 แล้ว เมื่อครั้งที่มีการแยก จ.หนองบังลำภูออกจาก จ.อุดรธานี สำหรับเหตุผลหลักของการเสนอแยกจังหวัดครั้งนี้มีเรื่องเคล็ดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้ศึกษาดวงชะตาบ้านเมืองพบว่า เมื่อครั้งที่ประเทศไทยมีจังหวัดเพียง 75 จังหวัด บ้านเมืองอยู่เป็นปกติสุขดี โดยตามเคล็ดเมื่อเลข 7 บวกกับเลข 5 จะได้ 12 ลงท้ายด้วยเลข 2 ถือเป็นเลขมงคล แต่พอเพิ่มเป็น 76 จังหวัด เมื่อบวกกันจะได้ 13 เป็นเลขไม่มงคล ทำให้ หลังจากนั้นบ้านเมืองประสบปัญหามากมาย เริ่มตั้งแต่การเสียชีวิตของประชาชนตั้งแต่ปี 2535 เหตุภัยพิบัติต่างๆ น้ำท่วม สึนามิ และล่าสุดเกิดความแตกแยกในหมู่พี่น้องประชาชนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้น การเพิ่ม จังหวัดล่าสุดเป็น 77 จังหวัด ทำให้บวกกันได้ 14 เป็นเลขมงคลอีกเลขหนึ่ง อาจถือเป็นทางรอดประเทศได้ หวังเจาะฐานแบ่งเก้าอี้ ส.ส.เพื่อไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแยกจังหวัดครั้งนี้ จะต้องมีการดำเนินงานเกี่ยวกับงบประมาณและการดำเนินการในรายละเอียดอีกพอสมควร ทั้งงบจังหวัด กลุ่มจังหวัด งบผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมทั้งกำหนดสายงานทางปกครอง ตั้งแต่ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ฯลฯ รวมถึงงบก่อสร้างอาคารที่ทำการทางปกครองใหม่ทั้งหมด โดยลักษณะพื้นที่ จ.บึงกาฬ นั้นมาจาก อ.บึงกาฬ ของ จ. หนองคาย มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นแนวยาวติดแม่น้ำโขง นอกจากนี้ จ.หนองคายเป็นพื้นที่สัมปทานของพรรคเพื่อไทยที่กวาด ส.ส.ยกจังหวัดจำนวน 6 คน ดังนั้น เมื่อแยกจังหวัดออกมาแล้ว คาดว่าจะมีการแบ่งสัดส่วน ส.ส. เขตเป็นครึ่งต่อครึ่งคือ จ.หนองคาย เหลือ 3 คน และ จ.บึงกาฬ อีก 3 คน โดยเป็นการแยกพื้นที่ของ ส.ส.เพื่อไทยออก เพื่อให้พรรคภูมิใจไทยสอดแทรกเข้าไปจังหวัดใหม่ นายกฯส่งโผทหารขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ด้านความคืบหน้าการจัดทำบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2553 นั้น เมื่อเวลา 16.45 น. วันเดียวกัน ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี และนำส่งขึ้นทูลเกล้าฯถวายเรียบร้อยแล้ว "อนุพงษ์" โต้ข่าวบูรพาพยัคฆ์ผงาด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี 2553 ว่า เป็นไปอย่างเรียบร้อย เพราะมีคณะกรรมการและมีหลักเกณฑ์ ในการพิจารณา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีกลุ่มนายทหารบูรพาพยัคฆ์ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหลักในกองทัพจำนวนมากนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นความคิดที่ไม่มีเหตุผล และไม่เป็นความจริง เราอยากให้กองทัพเป็นหนึ่งเดียว หลักการง่ายๆที่ตนทำอยู่ 3 ปีคือ อย่าสร้างคนกลุ่มเดียว เรื่องบูรพาพยัคฆ์ สื่อมวลชนเขียนกันไปเอง ไม่มีใครตั้งขึ้นมา ถ้าคิดอย่างนั้นไม่ได้ใกล้ความเป็นจริง และไปลงว่าเป็นบูรพาพยัคฆ์ขึ้นมานั้น ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ยืนยันว่าถ้าอยากให้กองทัพเป็นหนึ่งเดียวต้องไม่ตั้งเพียงกลุ่มเดียว นั่นคือแนวทางที่ยึดถือมาคือใครอยู่กองพลใดควรขึ้นมาในกองพลนั้น กองทัพไม่ได้มีความแตกแยกในการโยกย้ายนายทหาร ลุยตั้ง พล.ร.7 คุมเข้มภาคเหนือ พล.อ.อนุพงษ์ยังกล่าวถึงแนวคิดในการจัดตั้งกองพลทหารราบที่ 7 (พล.ร.7) ว่า เราดูจากปริมาณงานของกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งปัจจัยมีทั้งความกว้างและความยากลำบากของภูมิประเทศ จึงควรจะต้องมีกำลังเพิ่มเข้าไป และควรจัดตั้ง พล.ร.7 ขึ้นมา ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่าจัดตั้งขึ้นเพื่อไปควบคุมใครนั้น เรื่องนี้สามารถอธิบายได้ว่าไม่เป็นความจริง การตั้งกองพลขึ้นมาใหม่ แต่หน่วยยังเป็นหน่วยเดิม จากกองพลทหารราบที่ 4 (พล.ร.4) เพียงแต่ย้ายกรมทหารราบที่ 7 (ร.7) ขึ้นเป็นระดับกองพล ซึ่งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี อีกทั้งการตั้งกองพลจะต้องผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ก่อน ในปี 2554-2556 น่าจะได้เห็นตัวกองบัญชาการกองพล ส่วนตัวกำลังพลยังไม่น่าจะสามารถจัดตั้งได้ ขณะนี้เรื่องการจัดตั้งกองพลอยู่ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ก่อนจะส่งให้ รมว.กลาโหมเห็นชอบ เพื่อบรรจุเป็นวาระในการประชุม ครม.ต่อไป สำหรับความคืบหน้าการตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 ที่ จ.ขอนแก่น ตามที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อยากเห็นนั้น เรื่องอยู่ที่การตั้งคณะกรรมการศึกษาของกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อพิจารณาความเหมาะสมว่าเป็นอย่างไร คงต้องใช้เวลา "ชวรัตน์" โดนฉกกระเป๋าที่จีน ผู้สื่อข่าวรายงานจากเมืองเป่ยไห่ เขตปกครองตนเองกวางสี สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันที่ 3 ส.ค. ภายหลังจากนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด 25 จังหวัด เสร็จสิ้นการประชุมร่วมกับคณะฝ่ายจีน ซึ่งประกอบด้วยกระทรวงมหาดไทย รองประธานที่ปรึกษาการเมือง เขตปกครองกวางสี อธิบดีกรมการเกษตรเขตปกครองกวางสี รองอธิบดีสำนักงานต่างประเทศ เขตปกครองกวางสี และประธานสมาคมแป้งมันสำปะหลังแห่งประเทศจีน ทางการของเขตปกครองกวางสีได้เชิญคณะของนายชวรัตน์ร่วมรับประทานอาหารที่ภัตตาคารย่านเมืองเป่ยไห่ ปรากฏว่าระหว่างนั้นมีผู้ร้ายขโมยกระเป๋าสะพายของนายชวรัตน์ไป ภายในกระเป๋ามีหนังสือเดินทางและเงินจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ กระเป๋าสะพายดังกล่าว เลขานุการส่วนตัวของนายชวรัตน์ได้วางไว้บนเก้าอี้ในภัตตาคาร ซึ่งเลขาฯคนดังกล่าวเผยว่าไม่รู้ตัวว่ากระเป๋าถูกฉกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ซีซีทีวีไม่เปิดหาภาพคนร้ายไม่ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อทราบว่ากระเป๋าหายไป ทางการไทยได้แจ้งให้ทางการกวางสีทราบเรื่อง เนื่องจากนายชวรัตน์เป็นแขกชั้นผู้ใหญ่ระดับวีไอพีของจีน โดยทางการกวางสีได้แจ้งให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ แต่กล้องวงจรปิดของภัตตาคารไม่ได้เปิดใช้มา 4 วันแล้ว จึงไม่สามารถตรวจสอบภาพคนร้ายได้ คณะของกระทรวงมหาดไทยจึงเดินทางกลับโรงแรมที่พักทันที แต่บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจากวันที่ 4 ส.ค. คณะจะต้องเดินทางต่อไปยังนครเซียงไฮ้ นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. หลังจากที่คณะของนายชวรัตน์เดินทางมาถึงสนามบิน และเข้าที่พักเป็นที่เรียบร้อย ปรากฏว่ากระเป๋าเดินทางของนายชวรัตน์หายไป ภายหลังทราบว่าตกหล่นอยู่ที่สนามบิน จึงประสานเอากลับมาได้ในคืนนั้น นสพ.ไทยรัฐ โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 4 สิงหาคม 2553, 01:46 น. tags: ,แรงดูดภูมิใจไทย,ดึง5ส.ส.,จากพรรคพท. Bookmark and Share

ชง83ท่อน้ำเลี้ยง ปลดล็อก ศอฉ.ยังคุมเข้มต่อ

ผวา'สิงหาเดือด' ปณิธานได้กลิ่นคาร์บอมบ์โผล่ 'ธาริต'โชว์จม.ขู่ ดีเอสไอชง ศอฉ.ปลดล็อก 83 ท่อน้ำเลี้ยง หลังการตรวจสอบเสร็จสิ้น แต่ยังให้สถาบัน การเงินจับตาการทำธุรกรรมการเงินต่อ ขณะที่ ศอฉ.ผวา "สิงหาเดือด" สั่งคุมเข้ม ครม. ถกเครียดข้อเสนอ คอป. สั่ง ศอฉ.ทำข้อมูลคนตายติดคุก นายกฯเครียดเหตุนักข่าวต่างชาติตายในเหตุการณ์ 10 เม.ย.- 19 พ.ค. โดนสื่อนอกเอาไปขยายผลโจมตีไทย เพื่อไทยต้านรัฐแจกวีซีดีสลายการชุมนุม "ธาริต" เปิดจดหมายขู่ฆ่า ยอมรับกังวลใจหลังโดนปองร้าย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประกบใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตา ในขณะที่คลื่นลมความรุนแรงของสถานการณ์ บ้านเมืองค่อยอ่อนกำลังลงจนเกือบจะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ กลับมีกระแสข่าวว่าจะเกิดเหตุคาร์บอมบ์ในย่านธุรกิจสำคัญ ในกรุงเทพมหานครขึ้นมาอีก เหมือนกับเป็นการเย้ย พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ที่รัฐบาลยังไม่ยอมปลดล็อกในอีกหลายจังหวัด "สุเทพ" ตอกย้ำข่าวก่อบึมย่านธุรกิจ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 3 ส.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ ผอ.ศอฉ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า สำนักข่าวกรองแห่งชาติออกมาเตือนว่าจะมีเหตุคาร์บอมบ์ในย่านธุรกิจสำคัญเช่น ถนนสีลม และเยาวราช ประมาณต้นเดือน ส.ค.นี้ว่า ต้องไปถามรายละเอียดจากสำนักข่าวกรองว่าได้ข่าวมาอย่างไร แต่ได้สั่งการไปว่าทุกหน่วยงานที่ทำหน้าที่ด้านฝ่ายข่าว ต้องบูรณาการกำลังเพื่อติดตามดูว่ามีคนกลุ่มไหน ที่มีพฤติกรรมที่อาจจะเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมบ้าง จะได้หาทางสกัดกั้นยับยั้งป้องกันเหตุร้ายให้ทันเวลา กรณีที่เป็นข่าวขึ้นมานี้อาจจะเป็นไปตามสิ่งที่ได้สั่งการเอาไว้ก็ได้ ไม่รับลูกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่เชียงใหม่ เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ เพราะการข่าวระบุว่าพื้นที่เป้าหมายที่จะก่อวินาศกรรมเป็นย่านธุรกิจสำคัญ หากเกิดเหตุขึ้นจริงจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ นายสุเทพตอบว่า รับฟังข่าวไว้ก็แล้วกันและก็ไม่ ประมาท แต่อย่าไปแตกตื่นให้มาก เรามีหน้าที่ที่จะต้องดูแลปกป้องบ้านเมือง ฝ่ายต่างๆจะต้องทำงานให้เข้มแข็งขึ้น เมื่อถามว่า ด้วยความที่ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่อย่างนี้ เป็นเหตุให้ยังต้องคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ และปริมณฑลต่อไปใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อถึงเวลาจะชี้แจง วันนี้ยังไม่มีอะไรที่ต้องพิจารณา เรื่องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อถามว่า แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า จ.เชียงใหม่ และเชียงราย สถานการณ์สงบเรียบร้อยพอที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้แล้ว นายสุเทพตอบว่า เวลาที่มีรายงานเข้ามา ก็จะนำไปพิจารณาในที่ประชุมศอฉ. แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอมา เมิน ส.ว.ต้านแจกซีดี ศอฉ. ต่อข้อถามถึงกรณีที่คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ บ้านเมือง วุฒิสภา ระบุว่า การแจกซีดีภาพเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองช่วง เม.ย.-พ.ค. ที่ผ่านมา เป็นข้อมูลฝ่ายเดียวและยิ่งสร้างความเกลียดชังต่อสังคม นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเพียงความคิดเห็นของ ส.ว.บางคนเท่านั้น ในที่ประชุม ศอฉ.พิจารณาเรื่องนี้กันอย่างรอบคอบ ซีดีที่จัดทำขึ้นนี้ได้พิจารณาจากทุกส่วนราชการที่ร่วมเป็นกรรมการ ศอฉ. เห็นว่าเป็นซีดีที่สามารถนำไปเสนอกับประชาชน ที่ยังไม่ เข้าใจข้อเท็จจริง ให้ได้เข้าใจลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนบางกลุ่มนำเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปบิดเบือนสร้างความเข้าใจผิด ทำให้เกิดความร้าวฉานในบ้านเมือง เมื่อถามว่า แสดงว่า ศอฉ.ยังจะคงดำเนินการแจกซีดีนี้ต่อไปใช่หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ถูกต้องครับ เมื่อถามว่า คิดว่าการแจกซีดีครั้งนี้จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือยิ่งแย่ลง นายสุเทพกล่าวว่า เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ผบ.ทบ.แนะเลิกใช้ความรุนแรง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองหลังประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินบางจังหวัดว่า อยากให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อย ให้ เศรษฐกิจเดินไปได้ ไม่อยากให้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่รัฐและผู้ชุมนุมมีบทเรียน 2 ปีที่ผ่านมาในเรื่องความรุนแรง ประชาชนคนไทยจะไม่รับ เราคงต้องเรียนรู้การแก้ไขปัญหาด้วยการไม่ใช้ความรุนแรง ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็น ผบ.ทบ.มา 3 ปีมีความเป็นห่วงสถานการณ์ บ้านเมืองอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า คนไทยทุกคนเป็นห่วงเรื่องความแตกแยกทางความคิด ค่อนข้างไม่น่าจะอยู่ในขอบเขตความชอบส่วนบุคคล คนในโลกนี้เห็นแตกต่างชอบต่างกันได้ แต่ต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ไม่มีข้อบาดหมาง หากพูดแล้วส่งผลกระทบต่อกันก็จะไม่พูด บางประเทศไม่พูดกันเรื่องการเมือง เพราะชอบกันคนละพรรค แต่กินข้าวด้วยกันได้ เมื่อถามว่าความแตกต่าง ทางความคิดของคนไทยจะสามารถกลับมาได้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ต้องได้ ถ้าไม่ได้ก็แย่ สื่อมวลชนต้องช่วยกัน ถ้าเราทำอะไรที่ไม่สร้างสรรค์หรือไปตอกย้ำสิ่งที่แตกต่างกันอยู่ก็จะไม่ได้ ชี้เหตุบึมป่วนกรุงไม่ใช่ก่อการร้าย เมื่อถามว่าเหตุระเบิดใน กทม.ที่ผ่านมาเป็นกลุ่มก่อการร้ายเข้ามาสร้างสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ ตอบว่า ไม่น่าจะเป็นกลุ่มก่อการร้าย แต่ไม่ขอฟันธงว่าเป็นกลุ่มไหนคนใด เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคม ต้องให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนตามพยานหลักฐาน เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนโยงไปถึง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ไม่ขอกล่าวถึง เพราะอยู่ในขั้นการสอบสวน ไม่ทราบรายละเอียด หากพูดคงไม่เหมาะสม ชี้ขู่ฆ่า "ธาริต" แค่สร้างสถานการณ์ วันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถูกขู่ฆ่า ว่า ยังสงสัยว่าใครจะฆ่านายธาริต ถ้าฆ่าไปแล้วคดีความก็ยังอยู่ ตั้งคนอื่นขึ้นมาแทนได้ ข่าวนี้เป็นการสร้างสถานการณ์ เพราะมันไม่มีเหตุผล คนอย่างนายธาริตไม่มีราคาที่จะต้องไปฆ่าแกง ถึงฆ่านายธาริต หรือแม้แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถ้าจะฆ่าต้องฆ่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่การเมืองไทยไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น ที่มีข่าวนี้ออกมาอาจเป็นเพราะนายธาริตกำลังตรอมใจเรื่องเงิน 1.5 แสนบาท ของนายธีรชัย ธำรงพงศกร หรือ "เม้ง มังกรเหิรฟ้า" เพราะข้อปฏิเสธของคุณฟังไม่ขึ้น ลายมือของภรรยาคุณที่ให้ไว้มันละเอียดถี่ถ้วนมาก ก็คงอึดอัดใจ กรณีที่ไปฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย หากเบิกความเมื่อไร อาจจะเป็นการเบิกความเท็จทันที ตอนนี้เหมือนถอยไม่ได้ อยู่กับที่ก็ไม่ได้ เลยมีข่าวลอบฆ่าออกมา แฉมีคนปั๊มซีดีกล่าวหา "ทักษิณ" ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณีที่ ศอฉ.ทำซีดีเหตุการณ์ สลายชุมนุมแจกประชาชนว่า ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ผู้ทำหน้าที่กับผู้ที่ถูกสลายชุมนุม มองต่างมุม ฉะนั้น ต่างคนก็มีสิทธิชี้แจง ประชาชนจะตัดสินเองว่าจะเชื่อใคร แต่คิดว่า ศอฉ.ช้าไปแล้ว เพราะเขาทำกันไปหมดแล้ว คนเชื่อไปแล้ว ถ้าทำออกมาก็เหมือนหาแต้มให้พรรคเพื่อไทย คนไม่เชื่อมันก็ไม่เชื่อไปแล้ว ความเชื่อเปลี่ยนไม่ได้ ทราบหรือไม่ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งทำซีดีกว่า 3 ล้านแผ่นกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ล้มสถาบัน แต่มันไม่สะเทือน เพราะคนเขาไม่เชื่อ อธิบดีดีเอสไอรับมีคนปองร้าย ตอนสายวันเดียวกัน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีขู่ฆ่าว่า เรื่องนี้เป็นความจริงและรู้สึกกังวลอยู่บ้าง ยอมรับว่ามีความหวั่นเกรง ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น โดยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยรักษาความปลอดภัย แต่ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เพราะไม่เคยโกรธเคืองกับใคร อาจเป็นเรื่องของการทำงานโดยตรง มีพฤติการณ์ผิดปกติหลายอย่าง ทั้งการโทรศัพท์ที่โทร.มาข่มขู่ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย โทร.เข้ามาเบอร์ มือถือและตนรับเอง 2 ครั้ง การดักถ่ายรูปรถยนต์ ถูกขบวนรถติดตามตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ติดทะเบียนปลอม จอดซุ่มอยู่ในซอยหน้าบ้าน ส่วนจดหมายข่มขู่ก่อนหน้านี้มีส่งมาแล้ว 1 ฉบับ เนื้อหาลักษณะเดียวกันกับจดหมายข่มขู่ที่ใช้ซองตราครุฑส่งมาฉบับล่าสุด เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด นายธาริต กล่าวว่า ไม่ทราบ เจ้าหน้าที่กำลังติดตามสะกดรอยอยู่ ต้องให้หน่วย รปภ.ประกบใกล้ชิด อธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า หน่วยการข่าวของดีเอสไอได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยขับผ่านบริเวณหน้าสำนักงานดีเอสไอ โดยสวมป้ายทะเบียนปลอม รวมทั้งพบว่ามีรถยนต์ไปจอดซุ่มอยู่ที่ซอยหน้าบ้านของตน และมีการติดตามการเดินทางในบางครั้ง เรื่องทั้งหมดหน่วยรักษาความปลอดภัยรายงานว่าเป็นสิ่งบอกเหตุถึงความผิดปกติ และต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดเมื่อถามว่ามีแผนอารักขาเพิ่มอย่างไร นายธาริตกล่าวว่าแผนอารักขามีอยู่หลายอย่าง ขณะนี้มีกำลังทหารมาดูแล ตรวจตรารถเข้าออกตลอด 24 ชั่วโมง มีการเพิ่มกล้องวงจรปิด และมีแผนอื่นๆ ที่เปิดเผยไม่ได้เนื่องจากหน่วยรักษาความปลอดภัยต้องใช้แผนระมัดระวังขั้นสูงสุดสำหรับการอารักขา ตนจะระวังตัวให้มากขึ้น ต้องยอมให้เจ้าหน้าที่อยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา เผยจดหมายขู่ฆ่า "ธาริต" สำหรับเนื้อหาในจดหมายขู่ฆ่าที่นายธาริตนำมาเปิดเผยนั้น ถูกส่งมาจากต้นทางไปรษณีย์ราชดำเนิน ถึงนายธาริตที่สำนักงานอธิบดีดีเอสไอ จดหมายบรรจุใส่ซองสีน้ำตาล มีตราครุฑที่มุมบนซ้าย เป็นซองจดหมายที่ใช้ ทางราชการ ลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2553 เนื้อหาถูกพิมพ์ขึ้นจากคอมพิวเตอร์ มีความยาว 1 หน้ากระดาษเอ 4 เนื้อหาระบุว่า "พวกกูเป็นทั้งสายลับ อดีตสายลับ สายข่าวทหาร ตำรวจฯ ช่วงงานศพอาจารย์ เสธ.แดง พวกกูทั้งหลายได้สาบานว่า...จะขอทำทุกอย่างเพื่อให้มึงและพวกได้ตายตามท่าน เสธ.แดงอย่างน่าเวทนาเป็นที่สุด เริ่มจากคนที่พวกมึงรักก่อน ส่วนมึง...เมื่อไรก็ได้ 10 ปีก็ยังไม่มีคำว่าสาย หากคิดจะแก้แค้นและเอาคืน วิธีฆ่ามึงและพวกนั้นมีมากมายหลายแบบ หากมึงตายโหงขณะมีตำแหน่งติดตัวยิ่งดีมาก ถึงแม้พวกกูจะถูกจับได้ก็ไม่เป็นไร มันจะเป็นประวัติศาสตร์อันล้ำค่า สำหรับการสังหารคนเลวๆอย่างมึง วันนี้ดูอาจจะผิด พรุ่งนี้ก็คงถูกเองแหละ สำหรับพวกกู วันนี้อาจเป็นฆาตกร (ฆ่ามึง) แต่วันหน้า คือวีรบุรุษ (แห่งชาติ)..โว้ย" ปลดล็อก 83 ต้องสงสัยท่อน้ำเลี้ยง ในส่วนการดำเนินคดีก่อการร้ายกับการชี้แจงเรื่องท่อน้ำเลี้ยงนั้น นายธาริตกล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ส่งตัวพยานปากสำคัญมาให้ดีเอสไอและสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันสอบสวนพยานปากดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 2 ส.ค. และมีความจำเป็นที่จะต้องสอบพยานปากอื่น เพื่อหาข้อมูลเพื่อเติม หากการดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1-2 วันนี้ ก็จะดำเนินการให้ศาลออกหมายจับต่อไป ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบการทำธุรกรรมการเงิน บุคคลที่ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเสนอให้ ศอฉ.มีคำสั่งให้สถาบันการเงิน อนุญาตให้บุคคลและนิติบุคคลทั้ง 83 รายชื่อ ทำธุรกรรมทางการเงินได้ตามปกติ เพราะเหตุของการสั่งห้ามการทำธุรกรรมได้หมดไปแล้ว และสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงได้ เสร็จสิ้น รวมทั้งการตรวจสอบได้ดำเนินการครบถ้วนส่วนหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม อาจมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินเชิงลึกของผู้ต้องสงสัยบางราย ขณะนี้กำลังดำเนินงานในส่วนนี้ต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปลดล็อกการทำธุรกรรมทางการเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวด้วยหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า ต้องแยกส่วนกันระหว่างการตรวจสอบการทำธุรกรรมในเชิงลึกตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษกับการปลดล็อก ให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างปกติ ส่วนผลการตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะเสร็จในวันที่ 9 ส.ค. ร้องศาลขอปล่อยตัว "ก่อแก้ว" ที่ศาลอาญาวันเดียวกัน นายคำนวณ ชโลปถัมต์ ทนายความ นำคำร้องขอปล่อยตัวนายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย มายื่นต่อศาลขอปล่อยตัวผู้ต้องหา โดยให้เหตุผลว่า ขณะนี้การสอบสวนคดีนี้เสร็จสิ้นแล้ว ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่คิดหลบหนี และสถาน-การณ์ของประเทศเริ่มคลี่คลายลงแล้ว พร้อมกับยื่นหลัก ทรัพย์เป็นเงินสด 2 ล้านบาท ศาลรับคำร้องไว้พิจารณามีคำสั่งต่อไป นายคำนวณกล่าวว่า เคยยื่นขอประกันตัวมาก่อนแต่ศาลไม่อนุญาต แต่หนนี้ยื่นหลักทรัพย์เพียงสองล้านบาท เนื่องจากถูกตรวจสอบอายัดทรัพย์สินอยู่ ส่วน นพ. เหวง โตจิราการ ทนายความอีกชุดหนึ่งจะเดินทางมายื่นประกันเช่นกัน ทนายทักษิณร้อง อสส. ที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด หลังถูกพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องคดีร่วมกับแกนนำนปช. และแนวร่วม นปช. รวม 25 คน กระทำผิดข้อหาก่อการร้าย และข้อหายุยงส่งเสริม ให้ก่อความไม่สงบและก่อการร้ายในประเทศ โดยมีนายภาณุพงษ์ โชติสิน รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับคำร้อง นายธนเดชกล่าวว่า ที่มายื่นคำร้องเนื่องจากเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะพนักงานสอบสวนดีเอสไอตั้งธงไว้ล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณโดยการนำคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณจากการโฟนอินไปเวทีต่างๆ กับข้อความในทวิตเตอร์มากล่าวหา ซึ่งเป็นการตัดต่อ ไม่มีความชัดเจนที่จะนำมากล่าวหา ทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวนโดยชัดแจ้ง จึงจำเป็นต้องขอให้อัยการสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 6 ประกอบด้วยนักวิชาการ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี นายประเกียรติ นาสิมมา พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส่วนการที่มีการกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อมโยงกับแกนนำ นปช.นั้น ความจริงการชุมนุม เป็นเรื่องของกลุ่มแกนนำ ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่การโฟนอินมาที่เวที เป็นการพูดคุยให้กำลังใจ ไม่มีพฤติการณ์ยุยงปลุกปั่นตามที่กล่าวหา ทั้งนี้ หลังจากที่อัยการรับคำร้องไว้แล้ว ก็จะได้ส่งให้นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด พิจารณา ซึ่งหากเห็นว่าคำร้องมีมูล อัยการอาจจะสั่งการให้พนักงานสอบสวนไปทำการสอบสวนเพิ่มเติม หรือเรียกพยานมาซักถาม ก่อนจะเรียกกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 25 คน มาฟังคำสั่งคดีต่อไป ครม.ถกเครียดข้อเสนอ คอป. อีกด้านหนึ่งในการประชุม ครม. วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวช-ชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ใช้เวลาพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) รายงานความคืบหน้าและข้อเสนอแนะของ คอป. โดยนายกฯได้ซักถามอย่างละเอียดเป็นรายประเด็นทั้ง 5 ข้อ โดยเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง อาทิ นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. นายวิทยา สุริยวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการ คอป. โดยข้อที่ 1. เสนอให้ ครม.สั่งการและกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย ให้ใช้กลไกตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมตามปกติ ควรใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเท่าที่จำเป็น เพื่อแสดงความจริงใจของรัฐบาลนั้น นายกฯไม่ได้ติดใจซักถาม ราชทัณฑ์ยันใส่ตรวนตามระเบียบ ข้อ 2. ควรปฏิบัติต่อผู้ถูกกล่าวหา โดยคำนึงถึงสิทธิพื้นฐาน ลดการปฏิบัติที่กระทบสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะการใส่โซ่ตรวนแกนนำ นปช. นายกฯได้ซักถามว่า ปกติมีหลักเกณฑ์ปฏิบัติอย่างไร และการที่มีภาพข่าวออกมาถูกต้องหรือไม่ และในกรณีของนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. ที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ทำไมจึงไม่ใส่โซ่ตรวน ถ้าไม่ใส่ตรวนจะได้หรือไม่ นายชาติชายชี้แจงว่า ในประเทศที่เจริญแล้วทั่วไป เช่น สิงคโปร์ก็มีการใส่ตรวน เพียงแต่อาจมีเสื้อแขนยาว แต่ของไทยเป็นชุดเสื้อแขนสั้นเลยมองเห็น ที่มีภาพข่าวปรากฏตามหน้าสื่อออกมา ก็มีกฎระเบียบอยู่ไม่สามารถทำได้ แต่การทำงานข่าวของสื่อมวลชนไทยจะมีการถ่ายภาพกันอย่างนี้ กรณีนายก่อแก้วนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตัดสินใจกันนานมากว่าจะให้ใส่ตรวนหรือไม่ เพราะเกรงจะหลบหนี ที่สุดก็ไม่ใส่ตรวน แต่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ประกบ 15 นาย ไม่รวมเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกจำนวนมาก การใส่ตรวนปกติจะเลี่ยงจะใช้เฉพาะผู้ต้องขังอายุไม่เกิน 60 ปี และใส่เฉพาะตอนเดินทางออกจากเรือนจำเท่านั้น เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาตลอดนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเข้มข้นตอนนี้ นายกฯจึงสั่งการให้ รมว. ยุติธรรมไปชี้แจงต่อสื่อมวลชนให้ทราบถึงสิทธิมนุษยชนและสิทธิของผู้ต้องขัง ต้องให้ระมัดระวังส่วนนี้ด้วย สั่ง ศอฉ.ทำข้อมูลคนตายติดคุก ข้อ 3. เรื่องการสร้างความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือ การลดการแถลงข่าว และการสอบสวนต้องเริ่มด้วยการรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ใช่เริ่มที่การเรียก หรือการขอให้ศาลออกหมายจับ นายกฯได้ถาม พ.ต.อ.ณรัชต์ ซึ่งได้ตอบยืนยันว่าปกติการแถลงข่าวของดีเอสไอ จะยึดหลักคุ้มครองเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว ไม่นำผู้ต้องหามาเปิดเผยตัว ไม่มีลักษณะการนำมาประจาน ยกเว้นกรณีเหตุระเบิดถ้าพูดชื่อเฉยๆ จะถูกกล่าวหาว่ามั่วหรือจับแพะอีก ส่วนเรื่องการสอบสวนพยานหลักฐานการออกหมายจับ ศอฉ.จะส่งข้อมูลมาที่กองปราบปราม รวบรวมข้อมูลส่งศาลพิจารณาออกหมายจับ ไม่ใช่ตั้งข้อหามั่วๆ ข้อ 4. การเปิดเผยข้อมูลผู้เสียชีวิต และผู้ถูกจับกุมคุมขัง นายกฯได้สอบถามว่า รวบรวมเอาไว้ที่หน่วยไหน จะให้หน่วยงานหนึ่งรับผิดชอบข้อมูลทั้งหมด โดยมอบให้ ศอฉ.เป็นผู้รวบรวมข้อมูล และจัดทำเป็นเว็บไซต์ให้ละเอียด และอยากให้เผยแพร่ข้อมูลให้ละเอียดว่าใครถูกจับกุมคุมขังที่ใด เพื่อให้โปร่งใสและเป็นธรรมที่สุด รับสื่อนอกตายปัญหาหนักของไทย ข้อ 5. นายกฯได้สอบถามกรณีที่ญาติผู้สื่อข่าวต่างประเทศ 2 คน ที่มาติดตามเรื่องแต่ถูกดีเอสไอดองเรื่อง ดีเอสไอรายงานว่ากรณีญาตินักข่าวญี่ปุ่นมาติดต่อดีเอสไอถึง 4 ครั้ง แต่ญาติๆ ไม่ได้ติดใจ รู้ว่านักข่าวมีความเสี่ยงสูงต่อการตายหรือบาดเจ็บอยู่แล้ว แต่ยังติดใจว่าใครเป็นคนยิง ใครก่อเหตุ ซึ่งดีเอสไอยืนยันไม่ใช่การตายคนเดียว แต่ตายพร้อมกับเจ้าหน้าที่และประชาชนอีกมากมายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่การพิสูจน์หลักฐานการตาย ไม่ได้พิสูจน์ในที่เกิดเหตุที่นอนตาย แต่ถูกดึงมาที่โรงพยาบาล จึงลำบากมาก หนักที่สุดจะพิสูจน์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง การตายของนักข่าวญี่ปุ่น 2 คนนี้จะเป็นปัญหาหนักของประเทศไทยที่จะต้องชี้แจง นายกฯได้กล่าวว่า มีคนเอาเรื่องการตายของนักข่าวต่างประเทศ 2 คนนี้ไปขยายผลในต่างประเทศด้วย ชี้กลุ่มป่วนจ้องยกระดับรุนแรง ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวฝ่ายความมั่นคง รายงานการเกิดเหตุก่อความรุนแรงในพื้นที่สำคัญทางธุรกิจว่า ขณะนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงได้เฝ้าระวังสถานการณ์ เนื่องจากมีกลุ่มที่จ้องทำร้ายประชาชนในที่สาธารณะ เพราะขณะนี้การดำเนินคดีความคืบหน้าไปมาก ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจ หากคดีเหล่านี้ไม่ออกมาในทิศทางที่เขาต้องการ ทำให้เห็นความพยายามในการสร้างสถานการณ์ โดยหลังจากนี้ฝ่ายความมั่นคงประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้ก่อความไม่สงบจะปรับวิธีการก่อเหตุ จากการสร้างสถานการณ์เพื่อข่มขวัญเจ้าหน้าที่ เป็นการก่อเหตุเพื่อมุ่งสังหารและทำร้ายประชาชน และวิธีการทำระเบิดก็มีความซับซ้อนมากขึ้น หลายกรณีพบว่ามีผู้เชี่ยวชาญและผู้รู้พื้นที่ เข้าร่วมกระบวนการ เช่น การวางระเบิดห้างบิ๊กซี ราชดำริ เป็นจุดที่กล้องวงจรปิดมีน้อย เพราะกล้องบางตัวเสีย มีแต่กล้องของเอกชน ปูดเตรียมคาร์บอมบ์ย่านธุรกิจ นายปณิธานกล่าวว่า หน่วยงานด้านการข่าวได้ เตือนให้ระวังเหตุระเบิดในลักษณะอื่น เช่น คาร์บอมบ์ เพราะเมื่อวัตถุประสงค์เปลี่ยนไปเป็นการสังหารบุคคล ก็ต้องมีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากนี้ต้องเฝ้าระวัง แต่ไม่ อาจระบุสถานที่แน่ชัดได้ แต่พื้นที่ที่มีการพูดถึงกันมากคือพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวสูงในอดีต เช่น ราชประสงค์ ราชปรารภ สีลม สวนลุมพินี รวมถึงสิ่งปลูกสร้างของรัฐ สถานที่เชิงสัญลักษณ์ ทั้งนี้ ไม่อยากให้เกิดความตื่นตระหนก แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามมีการยกระดับก็ต้องเตือนให้ประชาชนระวัง โดยในพื้นที่เสี่ยงย่านธุรกิจจะมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเช่น เพิ่มด่านตรวจสกัด ตำรวจนอกเครื่องแบบ และหน่วยงานด้านการข่าวต้องหาข่าวมากขึ้น ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งเชื่อมโยงเครือข่ายจากการให้การของผู้ต้องหา เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุความไม่สงบหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า มีคนที่กำลังติดตามอยู่ เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อถามว่าเป็นคนแก่ตามที่ ผบช.น.ระบุหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ก็มีหลายระดับ ซึ่งบุคคลที่อยู่ในระดับปฏิบัติการจะเป็นคนอายุไม่มาก ส่วนคนวางแผนก็เป็นอีกระดับหนึ่ง ยธ.เร่งศึกษาเปลี่ยนวิธีใช้โซ่ตรวน นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกรรมการ คอป. กล่าวว่าที่ คอป.เสนอให้ยกเลิกการตีตรวนผู้ต้องขัง เพราะต้องการสร้างบรรยากาศความปรองดองและสมานฉันท์ในสังคม ได้กำชับกรมราชทัณฑ์ไปแล้วว่า การดำเนินการต่างๆ ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่กระทบสิทธิผู้ต้องขัง ส่วนที่มีข่าวว่า จะมีการใช้กำไลอิเล็กทรอนิกส์มาใช้แทนโซ่ตรวนพันธนาการผู้ต้องขังนั้น ได้สั่งการให้กรมราชทัณฑ์ไปศึกษารายละเอียดให้เสร็จภายใน 1 เดือน ว่าจะใช้วัสดุอื่นมาใช้แทนได้หรือไม่ เช่นต่างประเทศมีการใช้พลาสติก เข็มขัด กุญแจมือ ผู้สื่อข่าวถามว่าใน 1 เดือนหลังจากนี้ จะไม่ใช้โซ่ตรวนใช่หรือไม่ นายกิตติพงษ์กล่าวว่า คงพูดเช่นนั้นไม่ได้ ยืนยันว่าการพันธนาการจำเป็นต้องทำ เพื่อป้องกันการหลบหนีของผู้ต้องขัง หรือไปทำร้ายผู้อื่น การเปลี่ยนระบบพันธนาการต้องไปศึกษาประเภท ลักษณะเครื่องมือ และดูค่าใช้จ่าย ความคุ้มทุนทั้งหมด แต่ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพื่อหาทางเลือกอื่นนอกจากการตีตรวน ห่วง "ธาริต" โดนลอบปองร้าย นายกิตติพงษ์ยังกล่าวถึงกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตกเป็นเป้าลอบสังหารว่า ได้แสดงความห่วงใยไปที่นายธาริตแล้วว่า สถานการณ์เช่นนี้ต้องไม่ประมาท ทำงานรอบคอบ รัดกุม แต่ยืนยันไม่มีแนวคิดให้คนอื่นเข้ามาช่วยงาน หรือทำงานแทนนาย ธาริต เพราะทำงานได้ดีอยู่แล้ว พท.ต้าน ศอฉ.แจกวีซีดีสลายชุมนุม ขณะที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ศอฉ.จะแจกจ่ายวีซีดีบันทึกเหตุการณ์ สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงว่า พรรคยังไม่ได้เห็นวีซีดีที่จะมีการแจกจ่าย แต่เชื่อได้ว่าภาพที่ออกมาน่าจะเป็นภาพ ที่รัฐบาลแปลความหมายว่ารัฐบาลกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง และฝ่ายคนเสื้อแดงเป็นคนผิด วีซีดีที่ทำกันเอง ใช้กันเอง และกล่าวหากันเองนั้น ไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดความสมานฉันท์ มีคำถามว่า หากรัฐบาลจริงใจที่จะแจกวีซีดีบันทึกเหตุการณ์ จริง เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ ทำไมไม่ให้คณะกรรมการอิสระต่างๆที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาเป็นผู้ดำเนินการ และต้องถามว่า หากพรรคเพื่อไทยแจกจ่ายวีซีดีบ้าง จะผิด พ.ร.ก. ฉุกเฉินหรือไม่ ผู้ค้าราชประสงค์จี้รัฐจ่ายเงินชดเชย นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่ม พ่อค้าหาบเร่แผงลอย บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ราชประสงค์ ประมาณ 40 คน ที่ได้รับผลกระทบจากการ ชุมนุมทางการเมือง นำโดยนายสุรักษ์ สุยะราช ผู้ค้าย่าน ราชประสงค์ ยื่นหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าชดเชย เพราะปัจจุบันยังมีผู้ค้าอีกนับร้อยรายที่พื้นที่ค้าขาย แผงค้า และอุปกรณ์ทำมาค้าขายได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ ชุมนุมทางการเมือง แต่ยังไม่ได้รับค่าชดเชยจากรัฐบาล และยังต้องขาดรายได้จากการทำมาหากิน เพราะนับตั้งแต่ มีการชุมนุมทางการเมืองจนถึงปัจจุบัน จำนวนผู้ซื้อบางตา ลงไปมาก ทั้งยังมีเหตุการณ์ระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ราชดำริ มาซ้ำเติมอีก แม้กลุ่มผู้ค้ายื่นคำร้อง ขอความช่วยเหลือต่อ ศอฉ.ตั้งแต่เดือน พ.ค.2553 แต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ นอกจากนี้ ผู้ค้ายังถูกเทศกิจเก็บค่าเช่าที่อีก ทั้งที่รัฐบาลบอกว่าจะไม่เก็บค่าเช่าที่เป็นเวลา 6 เดือน จึงเรียกร้องขอให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือเป็นการด่วน ประชุมควานหามือระเบิดบิ๊กซี ที่ บช.น. ช่วงบ่าย พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต. บุญส่ง พานิชอัตรา รอง ผบช.น. พร้อมพนักงานสอบสวนบช.น. ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้า เหตุระเบิดห้างบิ๊กซี ราชดำริ และหน้าบริษัทคิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ โดย ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดเตรียมพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส. บันทึกและสอบถาม ข้อมูล ผู้ที่ได้ออกหมายเรียกเชิญมาให้ข้อมูลคดีระเบิด เพื่อเป็นประโยชน์เกี่ยวกับคดี มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกเชิญมาทั้งหมด 10 คน แต่ผู้ที่ตอบรับว่า จะเดินทางเข้ามาให้ข้อมูลมี 8 คน 8 อรหันต์เข้าให้ปากคำ มีรายงานว่า ผู้ที่ร่วมมือได้เข้าให้ข้อมูลกับชุดสืบ สวนสอบสวน ได้แก่ 1.พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ เสธ.ตี๋ นายทหารประจำ กอ.รมน. อยู่ระหว่างพักราชการ 2.พ.อ.มนัส สุขประเสริฐ นายทหารรักษาความปลอดภัย กอ.รมน. ทั้งคู่เป็นนายทหารคนสนิท ของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นายทหารนอกราชการ อดีตรอง ผอ.กอ.รมน และเคยเกี่ยวกับคดีระเบิดคาร์บอมบ์อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ท้องที่ สน. บางพลัด 3.พ.จ.อ.บรรชา ทองแสง หรือจ่าโบ้ 4.พ.จ.อ.การุณ ชินวิชา หรือจ่าอ๋อง ทั้งคู่เป็นลูกน้องคู่ใจของเสธ.ตี๋ 5.นายรังสกฤษฏิ์ ธิยาโน หรือเสธ.ไก่ ลูกน้องคนสนิทของ ร.อ.ธรรม-นัส พรหมเผ่า หรือผู้กองมนัส 6.นายปัญญา คุณธีระนันท์ ลูกน้องของ เสธ.แดง หรือพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล 7.จ.ส.อ. บัวผัน พิมพ์ชัยศรี อดีตทหารสังกัด ร.1 พัน. 1 รอ. ซึ่งได้ขอเกษียณราชการก่อนกำหนด มีรายงานว่า จ.ส.อ.บัวผัน เคยเป็นผู้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะเกี่ยวข้อง กับคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดระเบิดหลายรายการ ที่พบในรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค จอดไว้ที่ริมน้ำ อพาร์ตเมนต์ และวงจรระเบิดตรงกับหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ โดยตรวจสอบที่เขี่ยบุหรี่ พบเบอร์โทรศัพท์ทิ้งไว้ในรถ ชื่อนายผัน ไม่ทราบนามสกุล โดย ผบช.น. เคยแถลงข่าว คาดว่าเป็นคนในเครื่องแบบ และ 8.นายกฤษฏากร ธิบดี เสธ.ไก่-เสธ.ตี๋ปฏิเสธไม่เกี่ยว กระทั่ง เวลา 17.00 น. นายรังกฤษฏิ์ หรือเสธ.ไก่ ได้ให้ข้อมูลเสร็จสิ้นและเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวก่อนเดินทางกลับว่า ตนไม่ได้พัวพันเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทั้งสองเหตุ ตำรวจเชิญมาเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ ตนแค่รู้จักแต่ไม่สนิทกับ เสธ.แดง ไม่เคยคบกันเป็นการส่วนตัวและยินดีให้ข้อมูลตำรวจทุกอย่าง จากนั้น พ.อ.สุรพล หรือเสธ.ตี๋ ได้เปิดเผยหลังให้ข้อมูลเสร็จว่า ตำรวจสอบถามรายละเอียดทั่วๆไป ที่เชิญมาเพื่อหารือ ตนตอบเท่าที่ตอบได้ ให้จับตา "คนแก่" จะปรากฏตัว พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. กล่าวถึงกรณีการเชิญบุคคลประมาณ 40 คน มาสอบสวนว่า การทำงานของตำรวจนั้นประกอบด้วยหลายส่วน ทั้งการสืบสวนสอบสวน เราประชุมหารือกันแล้วก็ดูว่า ควรจะเชิญใครบ้างมาพูดคุย เพื่อเกิดประโยชน์ทางคดี บางท่านแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยให้พิมพ์ลายนิ้วมือไว้ ต้องยอมรับว่าขบวนการในการประกอบวัตถุระเบิดมันยากกว่าคดีเหตุปล้นทรัพย์ เพราะร่องรอยมันหายาก การตามร่องรอยต้องค่อยๆ ตามไป ใช้นิติวิทยาศาสตร์ ผู้ที่เชิญมาไม่ได้ หมายความว่าเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด บางคนก็อาจเป็นผู้รู้เรื่องราวดี บางคนก็อยู่ในกลุ่มที่ต้องจับตามอง หรือบางกลุ่มอยู่ในผู้กว้างขวางอย่างที่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) กล่าวไว้ว่า เป็นการสืบสวนตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติที่แท้จริงไม่ใช่อย่างอื่น เมื่อถามต่อว่า บริเวณย่านเศรษฐ-กิจจะมีการเฝ้าระวังหรือไม่ หลังมีกระแสข่าวจะมีคาร์บอมบ์ ผบช.น.กล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็เฝ้าและดำเนินการอย่างเต็มที่ ผกก.ทุกแห่งต้องตื่นตัวตลอด ต้องดูแลโรงพักตัวเองด้วย เพราะบางทีพวกจิตป่วนก็วางระเบิดแถวโรงพัก ต้องระวังให้ดี ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าคนแก่ที่ ผบช.น. เคยพูดถึงอายุเท่าไร พล.ต.ท.สัณฐานกล่าวว่า อีกไม่นานเขาก็จะปรากฏตัว ศอฉ.ผวาสิงหาฯเดือดสั่งคุมเข้ม เวลา 18.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.ต. ปิยะ อุทาโย รองโฆษก ศอฉ. แถลงผลการประชุม ศอฉ. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอฉ. เป็นประธานว่า ฝ่ายข่าวได้ รายงานสถานการณ์ในรอบเดือน ส.ค.นี้ว่า จะมีการรวมตัวกันในบางพื้นที่ และมีการจัดกิจกรรมเพิ่มมากขึ้นจากหลายกลุ่ม เช่น ทำบุญ เสวนา รวมถึงกลุ่มในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น และในกรุงเทพฯ จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น จึงต้องระวังเป็นพิเศษ ดังนั้น สิ่งที่ควรระวังคือการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ต้องเน้นการป้องกันการก่อวินาศกรรมเป็นหลัก เพราะตลอดเดือน ส.ค. จะมีงานพระราชพิธีที่สำคัญ จึงต้องเน้นดูแลรักษาความสงบเป็นพิเศษ นายสุเทพแสดงความเป็นห่วงว่า จะช่วยกันดูแลพื้นที่ต่างๆอย่างไร เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุก่อความวุ่นวาย ทั้งนี้ ตำรวจได้สรุปว่า เหตุการณ์ ที่ผ่านมาโดยเฉพาะ 2 คดีหลัง มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นการสร้างสถานการณ์ นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มจุดตรวจ 26 จุด โดยให้สารวัตรทหารร่วมปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เน้นบริเวณที่มีประชาชนพลุกพล่าน สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งชุมชน และเพิ่มเจ้าหน้าที่ตรวจวัตถุระเบิดทั้งตำรวจและทหารลงไปในพื้นที่ล่อแหลม เช่น บริเวณแยกราชประสงค์โดยรอบ แยกลาดพร้าว เปลี่ยนถังขยะเป็นแบบโปร่งใส พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า นอกจากนี้ ศอฉ.เน้นย้ำให้มุ่งเน้นในพื้นที่สำคัญ เชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง ทางราชการเป็นกรณีพิเศษ นอกเหนือจากบุคคลสำคัญที่ต้องดูแลอยู่แล้ว และยังให้ประสานกับ กทม.ให้มีการปรับเปลี่ยนถังขยะที่มีลักษณะโปร่งใส และเพิ่มรอบการเก็บขยะให้บ่อยขึ้น เพื่อป้องกันการก่อเหตุ รวมทั้งเพิ่มกล้องซีซีทีวี ทั้งตามร้านสะดวกซื้อ ธนาคาร ปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า และบ้านเรือนประชาชน รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความรู้พนักงานเก็บขยะถึงการสังเกตวัตถุต้องสงสัย โดย ศอฉ.จะเชิญผู้นำชุมชนมาให้ความรู้ เพื่อช่วยสอดส่องดูแลด้วย คาดว่าในเดือน ส.ค.นี้ น่าจะมีแนวโน้มการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่ไม่หวังดี นอกจากนี้ผบก.น.5 ได้ชี้แจงที่ประชุมถึงเหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซี ราชดำริ และซอยรางน้ำ ทั้ง 2 คดีมีความคืบหน้ามาก และมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ ที่เกิดก่อนหน้านี้ โดย ผอ.ศอฉ.ได้สั่งการให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ประสานการปฏิบัติและรวบรวมหลักฐาน เพื่อให้การดำเนินการชัดเจนมากขึ้น โดยอธิบดีกรมสอบสวนคดี พิเศษได้รับดำเนินการและประสานกันอย่างใกล้ชิด ดีเอสไอชงปลดล็อก 83 ท่อเลี้ยงแดง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ศอฉ. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้เสนอให้ยกเลิกข้อห้ามการทำ ธุรกรรมการเงินฯของผู้อยู่ในข่ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการ สนับสนุนการเงิน แก่ผู้ก่อการร้ายทั้ง 83 ราย โดยให้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบสถานการณ์ ลงนามในคำสั่งแล้ว โดยทั้ง 83 ราย ประกอบด้วย 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่ตรวจสอบแล้วไม่พบอะไร กลุ่มที่ชี้แจงที่มาของเงินไม่ได้ และกลุ่มที่ชี้แจงไม่ชัดเจน ซึ่งการยกเลิกข้อห้ามดังกล่าวเนื่องจากมีการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว และไม่ต้องการให้เห็นว่า ศอฉ.ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ ซึ่งทั้ง 83 ราย ยังคงต้องดำเนินการทำธุรกรรมภายใต้การเฝ้าตรวจจากสถาบันการเงินที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อไป ส่วนผลการตรวจสอบที่ดีเอสไอได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว หากรายใดพบหลักฐานการกระทำผิด ก็จะเข้าสู่กระบวนการการดำเนินคดีตามกฎหมาย บุกรวบเฒ่า 60 หมิ่นเบื้องสูง เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 3 ส.ค. พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พล.ต.ต.สุรพล หอมชื่นชม ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาท รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ นำหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นบ้านเช่าไม่มีเลขที่ภายในซอยด่านสำโรง 17/1 หมู่ 4 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จับกุมนายอำพล ตั้งนพกุล อายุ 60 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 52 หมู่ 1 ต.คลองสวน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง โดยใช้วิธีการส่งข้อความ (เอสเอ็มเอส) ผ่านโทรศัพท์มือถือไปยังนายกรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญในรัฐบาล ระหว่างวันที่ 9-12 พ.ค.รวม 4 ครั้ง พร้อมทั้งตรวจยึดโทรศัพท์มือถือได้ 3 เครื่อง เบื้องต้นนายอำพลยังไม่ยอมให้การใดๆ จึงส่งมอบให้ บก.ปอท.ไปดำเนินการสอบขยายผล ถึงผู้บงการที่นำเบอร์โทรศัพท์มือถือ ของนายกฯและคณะรัฐมนตรีมามอบให้กับนายอำพล รวมทั้งมีคำสั่งห้ามประกันตัวนายอำพลในชั้นสอบสวนเนื่องจากเป็นคดีที่มีโทษสูง นสพ.ไทยรัฐ โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 4 สิงหาคม 2553, 01:44 น. tags: ,ชง83ท่อน้ำเลี้ยง,ปลดล็อก,ศอฉ.ยังคุมเข้มต่อ,

จับแก๊งยาไอซ์ ,

พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.แถลงจับกุมนายสิทธิโชค เฉลิมฤทธิรัตน และ น.ส.ชนกพร ทัมประดิษฐ์ พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด ยาไอซ์ 17.9 กิโลกรัม มูลค่า 30 ล้านบาท ให้การสารภาพสั่งของจากญาติที่ยังอยู่ในคุกมาส่งตามห้างฯ.

จับด้วย "เอ็มเอสเอ็น"

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน สอบถามนายประสิทธิ์ ภิรมย์รักษ์ โจรลักทรัพย์ที่แฝงตัวไปสมัครเป็น รปภ.ห้างตั้งฮั่วเส็ง ได้เพียง 2 เดือน ก็ออกลาย ขโมยเครื่องไฟฟ้ามูลค่า 1.5 ล้าน หนีไป ตำรวจต้องปลอมเป็นผู้หญิงนัดพบผ่าน "เอ็มเอสเอ็น" จนหลงเชื่อออกมาถูกจับ สารภาพทำมาแล้วหลายครั้ง.