ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

จับนปช.มือระเบิด พบร่วมฝึกโยงคดีถล่มรางน้ำ

วิธีวางแบบเดียวกันใช้ยางรัด-แช่น้ำมันผู้ต้องหาบึมราชดำริเข้ามอบตัวสู้คดีแล้ว แฉเป้าหมายบึมเดือน "สิงหาเดือด" มีทั้งบ้านพักประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ บ้านนายกฯ ป.ป.ช. ดีเอสไอ สถานทูต รวมทั้งยังมีเค้าว่าจะมีการก่อวินาศกรรมสะพาน-สังหารคนสำคัญ ฝ่ายความมั่นคงสั่งเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าติดตามและอารักขากลุ่มบุคคลสำคัญอย่างเข้มงวด "สุเทพ" สั่ง ศอฉ.เกาะติดบึมป่วนเดือน ส.ค. ขณะที่นายกฯ ไม่ประมาท วอนประชาชนเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสหากพบเหตุต้องสงสัย "เหลิม" เย้ย "ธาริต" ใหญ่ไม่จริง แค่ โดนขู่ฆ่าทำเป็นกระต่ายตื่นตูม ตำรวจเชิญ "เสธ.หิ" ให้ปากคำคดีบึมบิ๊กซีราชดำริ รวบอดีตทหารเกณฑ์พกระเบิดต้องสงสัยเป็นมือบึมคิงเพาเวอร์-บ้านบิ๊ก กกต. หลังจากที่ ศอฉ.ออกมาเตือนให้จับตาเดือน "สิงหาคม" ว่าอาจจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในเดือนนี้ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร มีการคุมเข้มตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะที่เป็นจุดล่อแหลมนั้น สั่ง ศอฉ.เกาะติดบึมป่วนสิงหา ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.30 น. วันที่ 4 ส.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ ผอ.ศอฉ.ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ ศอฉ.สั่งการให้มีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษในเดือนสิงหาคม มีข้อเท็จจริงหรือการข่าวสัญญาณอะไรที่บ่งชี้ นายสุเทพกล่าวว่า มีกรณีที่ทางฝ่ายข่าวทั้งหลาย ที่ตนได้สั่งการให้มีการบูรณาการการทำงานของฝ่ายข่าว และได้ขอให้ทาง รมว.กลาโหมเป็นประธานกำกับควบคุม ฝ่ายข่าวก็มีข่าวที่เป็นความกังวลใจเรื่องของการก่อเหตุร้ายการก่อวินาศกรรม เขาก็ต้องเตือนและมารายงานในที่ประชุม ตนได้สั่งการให้ ต้องตรวจสอบข่าวให้ชัดเจนให้แม่นยำ การที่จะพูดจาออกไป ต้องระมัดระวังไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ จนเกินเหตุ แต่ถ้าเห็นว่ามีความชัดเจน ต้องบอกให้ประชาชนรู้ เพราะการแจ้งข่าวเตือนให้ประชาชนรู้จะเป็นผลดี จะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระมัดระวังบ้านเมือง ก็จะสามารถป้องกันเหตุร้ายได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การข่าวว่าการลอบก่อวินาศกรรมครั้งนี้จะเป็นการมุ่งสังหารมากกว่าการข่มขู่เช่นที่ผ่านมา มันมีความรุนแรงขนาดนั้นเลยหรือ นายสุเทพกล่าวว่า ตนยังไม่พูดลึกลงไปขนาดนั้น เพียงแต่ได้มีการพูดกันถึงเรื่องของฝ่ายข่าวที่นำมารายงานและตนก็ได้บอกไปอย่างที่พูดไปแล้ว นายกฯไม่ประมาท "สิงหาเดือด" ที่อิมแพค เมืองทองธานี ตอนสายวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ศอฉ.วิเคราะห์สถานการณ์ในเดือน ส.ค. จะกลับเข้าสู่ภาวะอันตรายอีกรอบว่า คงเป็นเรื่องที่ประเมินจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาและมีความพยายามที่จะเคลื่อนไหวกันอยู่ แต่ว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีการประเมินสถานการณ์ที่ไม่ประมาท ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเช่นนั้น พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 10 จังหวัดคงต้องมีไว้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในชั้นนี้ต้องคงไว้ในกรุงเทพฯ แต่ต่างจังหวัดคงทยอยเลิกได้อีก เมื่อถามว่า จะเป็นสิงหาฯอันตรายอย่างที่ ศอฉ. วิเคราะห์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีการวิเคราะห์กันมาโดยลำดับ ต้องยอมรับความจริงว่า ยังมีความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มอยู่ แต่รัฐบาลพยายามทำเต็มที่ ต้องขอความร่วมมือจากประชาชน และที่สำคัญการเดินหน้าการปฏิรูปการปรองดองต้องทำไปเพราะเป็นแนวทางที่สำคัญที่สุด ให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา ต่อข้อถามว่า นายกฯกังวลหรือไม่ที่มีการเบนเข็มการก่อเหตุไปที่ชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์และพื้นที่สาธารณะ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นจุดที่เราพูดถึงมาตลอดว่ามันมีคนกลุ่มหนึ่งที่พร้อมใช้ความรุนแรง และตนอยากขอให้ทุกฝ่ายในสังคมต่อต้าน ช่วยกันพิจารณาว่าทำอย่างไรจะไม่ส่งเสริมให้คนมาใช้วิธีการรุนแรง เรามีกระบวนการอื่นๆที่เปิดกว้าง ให้คนที่มีความเห็นที่แตกต่างเข้ามาร่วมได้ รัฐบาลก็รับฟังตลอดเวลา มีการดำเนินการโดยลำดับ ในที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ได้นำข้อเสนอต่างๆของคณะกรรมการฯต่างๆที่ตั้งขึ้น เข้าพิจารณาในที่ประชุม เมื่อถามว่า มาตรการของ ศอฉ.ที่ปรับปรุงเพื่อเพิ่มในเรื่องการดูแลความปลอดภัยจะสร้างความมั่นใจห้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า ศอฉ.มีการประเมินค่อนข้างที่จะเป็นระบบ เรื่องรูปแบบปัญหาที่ต้องป้องกันและจัดวางกำลังตามความเหมาะสม แต่คนไทยต้องช่วยกัน เพราะการก่อวินาศกรรม ถ้าเป็นหูเป็นตาให้จะเบาลงไป รัฐบาลเราจะทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่า นายกฯสามารถระบุจุดที่จะเกิดเหตุได้หรือไม่ ที่มีการระบุว่าจะเกิดขึ้นกลางเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คำว่ากลางเมืองกว้างอันนี้คือปัญหา แฉกลุ่มเดิมจ้องป่วนเพื่อเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มคนที่ก่อเหตุความไม่สงบ เป็นกลุ่มเดิมหรือกลุ่มใหม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นกลุ่มเดิมๆ เพราะมันมีกลุ่มเล็กๆอยู่กลุ่มหนึ่งที่มีความต้องการ ให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยทุกวิถีทาง เราก็เห็นกันมาโดยตลอด เมื่อถามว่า นายกฯเห็นว่าแนวทางของเจ้าหน้าที่ ดำเนินการถูกทางถูกตัวบุคคลแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมคิดว่าทุกอย่างที่เขาพูดอยู่บนพื้นฐานของพยานหลักฐานในคดีที่ผ่านมาและที่ดำเนินการอยู่ การเชื่อมโยงของตัวบุคคลต่างๆ ได้มาจากการสอบสวนมีฐาน หนักแน่นพอสมควรในการที่จะเชื่อตามแนวทางนี้" เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้กลุ่มคนเหล่านี้เห็นด้วยร่วมกันแนวทางปรองดอง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเราจะสามารถทำให้คนทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ยอมรับได้ แต่คณะกรรมการฯที่ตั้งขึ้นมาได้แสดงมาโดยลำดับว่า ได้ฟังเสียง ของคนที่ไม่เห็นด้วยตั้งแต่เริ่มตั้งคณะกรรมการฯต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาแล้ว เมื่อถามว่า ทำไมเหมือนกับว่าทางการรู้เบาะแส แต่สาวไปไม่ถึงตัวคนที่ดำเนินการ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การป้องกันหรือการข่าวมันไม่ละเอียดถึงขั้นที่จะไปบอกจุดได้เสมอไป บางครั้งจะเป็นภาพกว้างบ้างแม้กระทั่งแคบลงมา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันได้ทุกจุดร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนการจะสาวไปถึงตัวผู้เกี่ยวข้องขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าของคดี ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังเร่งรัดดำเนินการอยู่ และตนยังมีความมั่นใจว่ากลุ่มคนที่ก่อเหตุจะเป็นกลุ่มคนที่เล็กลงเรื่อยๆ แต่ต้องพยายามดึงเอาคนที่เห็นแตกต่างให้มาใช้วิธีอื่นที่ไม่เป็นเครื่องมือของคนที่ใช้ความรุนแรง นปช.ย้อนเกล็ดทำซีดีแจงสลายชุมนุม วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. แถลงว่า กรณีที่ ศอฉ.และรัฐบาลจะทำซีดีเหตุการณ์สลายการชุมนุมตั้งวันที่ 10 เม.ย.-19 พ.ค. 53 เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วประเทศนั้น เราไม่ขัดข้องถ้ารัฐบาลจะทำ แต่กลุ่มตนจะใช้วิธีเดียวกัน ทำซีดีแจกจ่ายเพื่อตอบโต้ โดยเนื้อหาจะนำผู้เสียชีวิตกว่า 80 ศพ มาเรียงเรื่องราวว่าถูกยิงด้วยกระสุนชนิดใด ตายที่ไหน โดยอาวุธอะไร พร้อมนำภาพที่ไม่เคยถูกเผยแพร่มาก่อนมาเผยแพร่ด้วย การกระทำของ ศอฉ.และรัฐบาลอย่าคิดว่าทำแล้วจะได้เปรียบ แต่ผลกรรมจะย้อนกลับมายังตัวเอง หาก ศอฉ.แจกซีดีในสัปดาห์นี้ พวกตนก็แจกซีดีในสัปดาห์ต่อไปทันที โดยจะขายในราคาแผ่นไม่เกิน 10 บาท ที่ไม่แจกฟรีเพราะไม่ อยากให้ตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยงให้วุ่นวายกันอีก เย้ย "ธาริต" ใหญ่ไม่จริง นายจตุพรกล่าวว่า กรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ได้รับจดหมายขู่ฆ่านั้น กรณีที่นายธาริตทำใครก็สามารถทำได้ ถามว่า ในขณะนี้ใจใครจะใหญ่กว่านายธาริตอีก ที่ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดคนนั้นคนนี้ แทนที่อธิบดีดีเอสไอจะสงบเสงี่ยมเจียมตัว กลับกระโตกกระตากทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความตระหนก ความใหญ่ของนายธาริตก็สามารถรู้ได้ว่าใครเป็น ผู้กระทำและดำเนินการ ขนาดเพชรหายยังเสกเข้ามาอยู่ ในเซฟได้ ไม่จำเป็นต้องมาแถลงข่าว จนเกิดความตระหนกตกใจกันไปทั่ว ส่วนกรณีรับสินบนจำนวน 1.5 แสนบาท ของภรรยานายธาริตที่ตอนแรกบอกว่าเป็นค่าบริการ แต่ ภายหลังมาบอกว่าเป็นค่าทนายและค่าภาษีนั้น การอ้างเช่นนี้คนที่กินข้าวเขารู้ทัน เพราะมีหลักฐานการโอนเงิน พยานผูกมัดชัดเจน การออกมาแถลงข่าวของนายธาริต เช่นนี้ เหมือนการกลบเกลื่อนทั้งที่ตนเองกำลังจนมุม เผยกี้ร์-แรมโบ้ยังสบายดี เมื่อถามถึงความคืบหน้าการยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวแกนนำ นปช.คนอื่นๆ หลังจากนายวีระได้รับการปล่อยตัว นายจตุพรกล่าวว่า ลำดับต่อไปทนายความ นปช.จะยื่นขอประกันตัวในนายก่อแก้ว พิกุลทอง นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ต่อศาล เพื่อขอประกันตัว ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ บอกว่าจะขอเป็นคนสุดท้าย ส่วนกรณีของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช. ที่ผ่านมาได้พูดคุยกันอยู่ตลอด ทั้งหมดยังอยู่สบาย ร้องเพลงได้ ส่วนจะอยู่ในประเทศกัมพูชาหรือไม่ ไม่ทราบ ส่วนกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข ระบุผ่านสื่อต่างประเทศว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะไม่สนับสนุนคนเสื้อแดงแล้ว เนื่องจากมีแหล่งทุนใหม่นั้น ส่วนตัวไม่ได้เจอกับนายจักรภพ การพูดเช่นนั้นคงเป็นเพราะนายจักรภพไม่ได้ประสานกับคนที่เกี่ยวข้องจึงพูดไป อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันว่าคนเสื้อแดงไม่ได้รับเงินทุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเราหาเงินทุนกันเองทั้งการบริจาค การจัดคอนเสิร์ต โต้ "ปณิธาน" ชอบพูดลอยลม เมื่อถามว่านายปณิธาน วัฒนายากร รักษาการโฆษกรัฐบาล ระบุว่าจะมีการก่อวินาศกรรมในเขตพื้นที่เศรษฐกิจ นายจตุพรตอบว่า ขอถามว่าสิ่งที่นายปณิธานพูดมีอะไรเป็นความจริงบ้าง ส่วนที่อ้างว่าเป็นฝีมือของเสื้อแดง และมีการโยงไปถึง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดงนั้น ถามว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะขณะนี้ลูกน้อง เสธ.แดงก็ถูกไล่ล่า แค่รักษาตัวรักษาชีวิตก็ยากอยู่แล้ว การพูดของนายปณิธานจึงล้วนไม่มีความจริง อย่างไรก็ตาม ทราบเมื่อช่วงเช้านี้จาก ส.ส.จังหวัดสกลนคร พรรคเพื่อไทยว่านายศักระพี พรหมชาติ พราหมณ์กลุ่ม นปช. ที่เคยประกอบพิธีเทเลือดที่หน้าทำเนียบและพรรคประชาธิปัตย์ รวมบ้านนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ได้ถูกคุมขังอยู่เรือนจำจังหวัดสกลนคร เพราะโดนข้อหาทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหลิมปัดเรื่องยุให้ฆ่านายกฯ ตอนเที่ยงที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรณีที่บอกว่าตนสนับสนุนให้มีคนลอบสังหารนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ใช่เรื่องอย่างนั้น เพียงแต่สื่อมาถามเรื่องการส่งจดหมายขู่ฆ่านายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้บอกว่ามันเป็นจดหมายที่หาที่มาที่ไปไม่ได้ ตอนตนทำสำนวนคดีใหญ่ก็มีเรื่องพวกนี้เยอะ ก็ไม่ได้สนใจอะไร เก็บๆ กองๆไว้ในตะกร้า อย่างนายธาริตทำงานใหญ่ จะมาหวั่นไหวกับเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร ตนฟังแล้วก็ไม่ให้น้ำหนัก เพราะไปฆ่าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วจะทำให้อะไรเปลี่ยนไป สำนวนก็อย่างเดิม เปลี่ยนคนใหม่มาทำก็เหมือนเดิม จึงไม่มีผลอะไรให้การเมืองเปลี่ยน แต่หากให้การเมืองเปลี่ยน ก็ต้องยิงนายกฯ ก็เท่านั้น แค่พูดอุปมาอุปไมย ไม่ได้ไปสนับสนุนหรือยุงยงอะไร เพียงแต่วิเคราะห์ไปตามสถานการณ์ เท่านั้น ขณะนี้ที่น่าเป็นห่วงคือ ความพยายามที่จะสร้างสถานการณ์รุนแรง เพื่อลากไม่ให้มีการเลือกตั้งต่อไป แต่เชื่อว่าคงไม่สามารถทำได้ และอยากเตือนพวกพนักงานสอบสวนหรือหน่วยงานของรัฐ ที่ปล่อยข่าวว่าจะมีระเบิดที่นั่นที่นี่ ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ แล้วพอข่าวออกมาก็ทำให้เกิดความเสียหายไปก่อนแล้ว ยังต้องจับตากลุ่มต้องสงสัย ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกลุ่มอำนาจเก่าและกลุ่มอำนาจใหม่จะเข้ามาก่อสถานการณ์ความวุ่นวายในเดือน ส.ค. ที่มีงานพระราชพิธีสำคัญๆว่า ในช่วงวันพระราชพิธีสำคัญ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนไทยว่า จะร่วมมือดูแลความเรียบร้อยเป็นอย่างดี จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการยกระดับการก่อสถานการณ์ขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงต้องจัดระบบการเฝ้าระวังเพิ่มเติมบ้างในบางพื้นที่ และบางกรณี ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่ามีกลุ่มบุคคลที่ต้องเฝ้าดูแลการเคลื่อนไหว เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้ที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงเดือน ส.ค.หรือไม่ นายปณิธานตอบว่า หากพื้นที่ใดพร้อมและมีมาตรการเชิงป้องกันเพิ่มเติม ก็เสนอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ โดยขณะนี้ กทม.และจังหวัดใหญ่ๆกำลังวางมาตรการเชิงป้องกันเพิ่มเติมทั้งเรื่องถังขยะ การตั้งกล้องวงจรปิด การตรวจตรานอกเครื่องแบบ การตั้งด่านตรวจ หากมีความพร้อมในเรื่องเหล่านี้ ก็ส่งเรื่องเสนอให้ ศอฉ.พิจารณาเพื่อยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ คาดว่าในโอกาสต่อไปน่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในจังหวัดใหญ่ๆหลายจังหวัด ป้องกันเต็มอัตราศึกงานวันแม่ นายปณิธานกล่าวว่า ในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 78 พรรษา 12 สิงหาคม 2553 ที่จะมีขึ้นที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ลานพระราชวังดุสิต และตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล จะมีการกำหนดพื้นที่ดูแลรักษาความปลอดภัยเป็น 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ทั้งการจัดงานภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาล การจัดงานตามจุดต่างๆ โดยการจัดงานภายในบริเวณทำเนียบจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 250 นาย มั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แฉเป้าหมายบึมเดือน "สิงหาเดือด" ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า จากกรณีที่การข่าวจากหน่วยข่าวของรัฐบาลได้รายงานข้อมูลการก่อเหตุในช่วงเดือนสิงหาคมนั้น ล่าสุดได้มีการส่งข้อมูลสำคัญเข้ามาถึงฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลอีกครั้ง โดยข้อมูลดังกล่าวได้ระบุเฉพาะเจาะจงเป้าหมายและสถานที่ ที่ขบวนการใต้ดินมีแผนจะก่อเหตุดังต่อไปนี้ สำนักงานองค์กรอิสระ เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สถานทูตต่างๆ โดยเน้นสถานทูตที่มีสำนักงานอยู่บริเวณถนนวิทยุเป็นพิเศษ โรงภาพยนตร์ บ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ทั้งที่สี่เสาเทเวศร์และที่ จังหวัดนครราชสีมา บ้านพักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ซอยสวัสดี สุขุมวิท 31 วินาศกรรมสะพาน-สังหารคนสำคัญ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนั้น ทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภายังเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุตามรายงานของหน่วยข่าวด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับรูปแบบในการก่อวินาศกรรม ในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุยิงคลังเก็บน้ำมันและมีการป้องกันและเฝ้าระวังเข้มข้นแล้ว ยังมีข้อมูลบางส่วนได้กล่าวถึงการก่อวินาศกรรมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีอยู่ประมาณ 9-10 แห่งใน กทม. และปริมณฑลด้วย รวมทั้งมีแผนการลอบสังหารบุคคลสำคัญ ครม.ที่ฝ่ายผู้ก่อการร้ายยังมีเป้าหมายที่จะเอาชีวิต ซี่งฝ่ายความมั่นคงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่คอยเฝ้าติดตาม และอารักขากลุ่มบุคคลสำคัญอย่างเข้มงวดแล้ว ทหารเร่งแจงข้อเท็จจริง ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงผลการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ประจำเดือนสิงหาคม ที่มี พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานใน การประชุมว่า ที่ประชุมไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่มีการสั่งในการประชุมอื่นๆที่ไม่ใช่การประชุม นขต.ทบ. อย่างไรก็ตาม มีเพียงแต่สั่งการว่าการดำเนินงานของกองทัพบกในขณะนี้ คงทำได้เพียงแค่ชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆที่เกิดขึ้นให้ประชาชนรับทราบเพื่อสร้างความเข้าใจ และการชี้แจงข้อเท็จจริงจะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายลงไป และคนไทยจะได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ส่อแววฟ้องคดีก่อการร้ายไม่ทัน ทางด้านความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนคดีก่อการ ร้าย ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 25 คน เป็นผู้ต้องหา นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า คณะทำงานอัยการกำลังเร่งพิจารณาพยานหลักฐานและสำนวนการสอบสวนของพนัก งานสอบสวนดีเอสไอว่ามีความสมบูรณ์ครบถ้วนหรือไม่ ยังไม่แน่ใจว่าจะพิจารณาสำนวนเสร็จสิ้นเมื่อใด อีกทั้ง ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุดอีก 2 ราย ต้องรอให้ อสส.มีคำสั่งเกี่ยวกับร้องขอความเป็นธรรมของทั้ง 2 ราย ลงมาให้คณะทำงานทราบเพื่อประกอบการสั่งคดีว่าจะต้องสอบเพิ่มเติมตามคำร้องขอหรือไม่ อัยการจะเร่งพิจารณาสั่งคดีให้เร็วที่สุด แต่คงไม่ทันวันที่ 12 ส.ค.นี้ เป็นวันที่ครบกำหนดฝากขัง 84 วัน อาจจำต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไปก่อน หากฟ้องไม่ทัน "ธาริต" แจงปลดล็อกท่อน้ำเลี้ยง อีกด้านหนึ่ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีเสนอให้ ศอฉ.ออกคำสั่งยกเลิกการห้ามทำธุรกรรมการเงินของบุคคลและนิติบุคคลที่ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 83 รายว่า การปลดล็อกรายชื่อทั้ง 83 ราย ให้กลับไปทำธุรกรรมได้ไม่ได้หมายความว่าดีเอสไอไม่พบข้อมูล ที่เกี่ยวข้อง ความเคลื่อนไหวทางการเงินของกลุ่มคนดังกล่าว แต่ถือเป็นวันครบกำหนดการเข้าชี้แจงของกลุ่มคนต้องสงสัย ภายใต้คำสั่งของ ศอฉ. การระงับการทำธุรกรรม ทางการเงินเป็นการกระทบสิทธิ์ เมื่อครบกำหนดเวลาต้อง ปลดล็อก แต่ยืนยันว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษยังตรวจสอบเชิงลึก หากพบข้อมูลว่าใครเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุน ความไม่สงบทางการเมือง กรมสอบสวนคดีพิเศษจะสั่งอายัดบัญชี จากนี้จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อตรวจ สอบกลุ่มคนต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการที่กระทบกับความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กฎหมายกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ป.วิอาญา ไม่ใช่อำนาจคำสั่งของ ศอฉ. หลัง จากนี้คงไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ากำลังตรวจสอบใครบ้าง คุยฟุ้งตามรอยคนขู่ฆ่าแล้ว อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษยังกล่าวถึงกรณีการถูกขู่เอาชีวิตว่า ขณะนี้ทราบข้อมูลกลุ่มคนที่ปองร้ายแล้ว โดยได้ข่าวมาจากพยานรายหนึ่งที่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มฮาร์ดคอร์สนับสนุนกลุ่ม นปช. แต่ได้กลับใจเข้าให้การกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ พยานรายดังกล่าวได้บอกถึง ความเคลื่อนไหวตลอดของกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้อง กับการขู่ปองร้ายเอาชีวิตตน เมื่อถามว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะตรวจสอบยืนยันได้อย่างไรว่ากลุ่มใดเป็นคนข่มขู่เอาชีวิต นายธาริตกล่าวว่า ตอนนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งเจ้าหน้าที่ตามประกบกลุ่มคนต้องสงสัยแล้วเช่นกัน อย่างไรเพื่อความไม่ประมาท ต้องระมัดระวังใน ช่วงนี้ มีบางคนคิดว่าตนกุข่าวขึ้นมา ไม่รู้จะทำไปทำไม ยืนยันว่าคนที่รู้จักตน หรือสื่อมวลชนประจำกรมสอบสวนคดีพิเศษจะรู้ว่าตนเป็นคนยังไง ตนไม่เคยสร้างเรื่องสร้างเหตุการณ์ขึ้นมาหลอกลวงใคร เลื่อนสั่งคดีพันธมิตรฯยึดทำเนียบ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด วันเดียวกัน นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา มีคำสั่งเลื่อนสั่งคดีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับพวกรวม 9 คน เป็นผู้ต้องหาในคดีมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน โดยเมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯบุกเข้าไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นเวลาถึง 193 วัน เมื่อปี 51 เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังสอบสวนพยานเพิ่มเติมตามที่ผู้ต้องหายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมไว้ไม่แล้วเสร็จ พร้อมนัดสั่งคดีอีกครั้งวันที่ 7 ต.ค.53 เวลา 10.00 น. จับอดีตทหารเกณฑ์พกระเบิด ที่ บช.น. เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 แถลงข่าว พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 พ.ต.อ.กิตติพันธุ์ จุนทการ ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ต.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ สว.สส.สน. พญาไท จับกุมนายสรเทียน หรือโก้ สิงกันยา อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 8 ต.หนองหัวช้าง อ.พรเจริญ จ.หนองคาย จับกุมได้ที่ย่านบางโพ ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ สาย 1 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ข้อหา มีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถจะออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาวัตถุระเบิดไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พร้อมของกลาง รถ จยย.ยามาฮ่า มีโอ สีแดง ทะเบียน ลรฉ 914 กรุงเทพมหาคร บัตรประจำตัวระบุชื่อ พลทหารสรเทียน สิงกันยา สังกัด กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 กองพันเสนารักษ์ศูนย์กำลังสำรอง มีพยานเห็นคาดโชว์ช่วงสลายม็อบ พล.ต.ต.วิชัยกล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 19 พ.ค. ขณะที่ทหารมีการกระชับพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ และมีกลุ่มประชาชนประท้วงรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสามเหลี่ยมดินแดง ก่อเหตุทุบตู้เอทีเอ็ม และเผาห้างเซ็นเตอร์วัน พบนายสรเทียนยืนสั่งการประกาศว่า "ไม่ต้องกลัวกูจะคุ้มกันให้" พร้อมทั้งนำระเบิดออกมาจากกระเป๋าคาดเอว โชว์ให้กลุ่ม นปช.เห็น ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไทและทหารนำกำลังเข้ารักษาความสงบเรียบร้อย นายสรเทียนนำกระเป๋าคาดเอวใส่ระเบิดซุกซ่อนไว้ที่ร้านรองเท้าใกล้ลานวิกตอรี่พ้อย ตรวจสอบพบบัตรประชาชนผู้ต้องหา ประทัดยักษ์สีเขียว 5 ลูก วัตถุคล้ายระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูก และระเบิดแบบขว้าง Type 82-2 ผลิตในประเทศจีน จึงนำส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ พฐ. และอีโอดี จากนั้นพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ขอหมายจับศาลอาญาที่ 1694/53 ลงวันที่ 2 ส.ค. 53 โยงบึมคิงเพาเวอร์-บ้านบิ๊ก กกต. ผบก.น. 1 กล่าวอีกว่า ระเบิดนั้นเป็นระเบิดที่ผลิตในประเทศจีน ที่วางหน้าบริษัทคิงเพาเวอร์ ถนนรางน้ำ นายสรเทียนรับสารภาพว่า ลูกพี่เป็นแกนนำในการไฮด์ปาร์ก เป็นคนนำระเบิดมาให้ชื่อนายสุวิทย์ หรือบังไว ซึ่งขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับไปแล้ว นายสรเทียนกล่าวด้วยว่ามีการฝึกวางระเบิดสวนลุมพินี บริเวณที่หลังพระบรมรูป ร.6 โดยการถอดสลัก แล้วเอายางรัดแล้วแช่ในน้ำมัน พฤติกรรมของคดีก็ไปตรงกับที่ บริษัทคิงเพาเวอร์และบ้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ประธาน กกต. ถึงผู้ต้องหาจะไม่รับสารภาพก็ต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป ที่น่าสังเกตก็คือ เหตุระเบิดถนนรางน้ำ ปาระเบิดที่หน้ามูลนิธิรัฐบุรุษ และปาระเบิดที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 คนร้ายใช้รถ จยย.แบบผู้หญิง สีแดง หมวกกันน็อกสีดำ ซึ่งรถ จยย.ที่ยึดมาได้ก็สีแดงต้องตรวจสอบว่าเป็นรถ จยย.คันเดียวกันหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า น่าเชื่อจะเชื่อมโยงคดีระเบิดอื่นๆ หรือไม่ พล.ต.ต.วิชัยกล่าวว่า กำลังสืบสวนอยู่ โดยผู้ต้องหานั้นยอมรับสารภาพเรื่องมีระเบิด แต่ปฏิเสธเรื่องการวางระเบิด ผู้ต้องหาปฏิเสธลั่นอ้างไม่ชำนาญ ด้านนายสรเทียน ผู้ต้องหาอ้างว่า ไปดูการฝึกมา โดยการถอดสลักระเบิดออกนำหนังยางรัดตรงกระเดื่องของลูกระเบิดแล้วแช่ในน้ำมัน คนไปดูการฝึกก็ประมาณ 20 กว่าคนได้ ผู้ที่ฝึกก็เป็นการ์ด นปช.ที่ใส่ชุดดำ แต่ไม่ทราบชื่อ คนที่พาไปฝึกก็คือนายบังไว รู้จักกันเพราะไปร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ช่วยแจกข้าวแจกน้ำ นายบังไวก็มาคุยตีสนิท ตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกัน ถามว่า เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือไม่ นายสรเทียนกล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด เพราะไม่ชำนาญเรื่องนี้ และไม่เคยนำระเบิดไปใช้ที่ไหนเลย ระเบิดที่ตำรวจยึดได้นั้นนายบังไวนำมาฝากเอาไว้ ตนเคยเป็นทหารเกณฑ์ที่กองพันทหารราบ ศูนย์การกำลังสำรอง กรมรักษาดินแดน ปลดประจำการเมื่อปี 50 ถามว่า ครูฝึกบอกให้นำระเบิดไปวางที่ไหนบ้าง นายสรเทียนกล่าวว่า ช่วงฝึกตนไม่ได้ตั้งใจฝึก ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร และไม่รู้ว่าใครได้ระเบิดบ้าง ตนดูการฝึกตอนเย็นวันที่ 17 พ.ค. ส่วนตนได้ระเบิดจากนายบังไวตอนเที่ยงวันที่ 18 พ.ค. นายบังไวบอกว่า รักษาระเบิดให้ดีๆ ผบช.น.เรียกประชุมเตรียมพร้อม ต่อมา พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. เรียก ผกก.ทุก สน.เข้าร่วมประชุมกำชับมาตรการรักษาความปลอดภัยความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กทม. รวมทั้งเกี่ยวกับความมั่นคงรวมถึงการระวังเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ พล.ต.ท.สัณฐานกล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการประชุมที่ ศอฉ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ให้นโยบายมาว่า นอกเหนือจากนโยบายที่ บช.น.ทำหลายด้านแล้ว นายสุเทพอยากให้ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้มีส่วนร่วมทั่ว กทม. ก็คือตำรวจทุกโรงพักก็ต้องทำงานอย่างจริงจังในเรื่องการเข้าถึงประชาชนแหล่งชุมชน จะต้องมีการเข้าไปพูดคุย เพื่อจะหาความร่วมมือ ตนเชื่อว่ากลุ่มต่างๆก็คงหนีไม่พ้นการพบเห็นของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ ประชาชนก็จะเป็นหูเป็นตาให้กับตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งเป้าหมายไว้หลายอย่าง เช่น การเข้าพบปะแกนนำในชุมชน หรือการทำสติกเกอร์และป้ายต่างๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้ร่วมใจกันต้านภัยระเบิดที่มันทำลายประเทศอยู่ทุกวันนี้ เน้นให้ลูกน้องกลับไปทำการบ้าน ผู้สื่อข่าวถามว่า วางนโยบายในการป้องกันอย่างไร พล.ต.ท.สัณฐานกล่าวว่า เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังเคยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกคนกลับไปทำการบ้าน ฐานะที่เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยของประชาชน จะต้องรู้พื้นที่ของตัวเอง ประดุจลายมือว่า ตรงพื้นที่ไหนเป็นอย่างไร จะวางกำลังอย่างไร ตนจะไล่ถามแต่ละโรงพักว่า มีการดำเนินการอย่างไรบ้าง ไม่ใช่สั่งแล้วก็ลอยๆ จะดูความตั้งใจของบุคคลนั้นๆว่าเป็นอย่างไรด้วย ถามว่า มีการคาดโทษหรือไม่หากมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นอีก ผบช.น. กล่าวว่า ทุกคนมีกฎระเบียบอยู่แล้วว่าจะต้องทำงานอย่างไร ยิ่งในสถานการณ์ที่บ้านเมืองต้องการผู้นำ ท่านเป็นตำรวจผู้นำในพื้นที่ ท่านจะต้องแสดงความเป็นผู้นำ โดยรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของประชาชนอย่างไร ควรต้องทราบดี สันติบาลยันไม่มีข่าวคาร์บอมบ์ พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย ผบช.ส. กล่าวว่า เรื่องแผนการก่อวินาศกรรมทางสันติบาลยังไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ แต่เพื่อความไม่ประมาทได้ตั้งชุดทำงานหาข่าวสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว ต้องขอเวลาในการตรวจสอบสักระยะ ด้านการข่าวถ้ามีข้อมูลอะไรเข้ามาทางสันติบาลจะต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เพื่อจะได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทุกเรื่องต้องดำเนินการหาข้อมูลที่ชัดเจน ไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้นมาแล้วต้องตามแก้ทีหลัง เรื่องที่เป็นห่วงที่สุดในช่วงนี้ คือในเดือน ส.ค. มีวันสำคัญของปวงชนชาวไทย กลัวว่าผู้ไม่หวังดีจะก่อเหตุร้าย แต่ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยออกหาข่าวในทางลับอยู่ตลอดเวลา ขอหมายจับมือบึมบิ๊กซี ต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะเลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นในช่วงการชุมนุม ได้นำพยานหลักฐานไปขอศาลอาญา อนุมัติหมายจับนายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี นายเสก ไม่ทราบนามสกุล และนายผัน ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ในข้อหาครอบครองวัตถุระเบิด โดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจาก น.ส.ปฏิภัค เอกอภิวัชร์ พี่สาวนายธนเดช หรือไก่ เอกอภิวัชร์ ให้การว่า ของกลางระเบิดที่ตรวจพบในรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ที่ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ริมน้ำอพาร์ตเมนต์ หลังห้องพักของ น.ส.ปฏิภัค เป็นของกลุ่มผู้ต้องสงสัยโยงใยวางระเบิดห้างบิ๊กซี ราชดำริ เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน ปรากฏว่าศาลอาญาพิจารณาแล้วอนุมัติหมายจับนายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี และนายเสก ไม่ทราบชื่อสกุล เท่านั้น ส่วนนายผัน ที่พบเบอร์โทรศัพท์จดไว้ ข้างที่เขี่ยบุหรี่ในรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค คันเกิดเหตุ ศาลไม่อนุมัติ เพราะหลักฐานไม่เพียงพอให้กลับไปสอบสวนเพิ่ม เชิญ "เสธ.หิ" เข้าให้ปากคำ ขณะที่ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต. บุญส่ง พานิชอัตรา รอง ผบช.น. พร้อมพนักงานสอบสวน บช.น. เชิญผู้ที่มาให้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ต่อรูปคดีระเบิดที่ห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ และบริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด ซอยรางน้ำ ในวันเดียวกัน มีผู้ที่ให้ความร่วมมือ 5 คน ได้แก่ จ.ส.อ.สมาน คำน้อย ทหารหน่วยรบพิเศษ จ.ลพบุรี ลูกน้องคนใกล้ชิด พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง นายเรืองอำนาจ พุทธิวงศ์ อาชีพค้าขาย พ.ท.มนัส สุข-ประเสริฐ นายทหารนอกราชการ เคยเกี่ยวข้องกับคดีคาร์บอมบ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ท้องที่ สน.บางพลัด ส.อ.สมหมาย ธาราภูมิ ลูกน้องของ พ.ท.มนัส และ จ.ส.อ.เกษมสานต์ งานโคกสูง เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยรบพิเศษ จ.ลพบุรี โดย พ.ท.มนัส สุขประเสริฐ กล่าวสั้นๆ ว่า "วันนี้ มาช่วยชาติ" ด้าน จ.ส.อ.สมาน คำน้อย ยอมให้ พิมพ์ลายนิ้วมือและทำประวัติไว้ด้วย ส่วนในวันที่ 5 ส.ค. จะมีการเชิญ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ นายทหารนอกราชการเข้าให้ปากคำด้วย "เสก" โผล่มอบตัวสู้คดี ต่อมาช่วงเย็น นายเสกสรรค์ วรปิติเจริญกุล ที่ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบวางระเบิดห้างบิ๊กซี ราชดำริ ได้ ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา สบ 10 หัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายระเบิดใจกลางกรุง มี พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. ไปรับตัวส่งพนักงานสอบสวน ของกรมสอบสวนคดีพิเศษอีกทอด เพื่อสอบปากคำขยายผลหาความเชื่อมโยงว่ากลุ่มผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วางระเบิดห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ จริงหรือไม่ ตามคำให้การของ น.ส.ปฏิภัค เอกอภิวัชร์ พี่สาวนายธนเดช หรือไก่ เอกอภิวัชร์ ที่ระบุว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เกี่ยวข้องกับระเบิดในรถเก๋งซีวิคที่ถูกนำมาจอดไว้ที่ริมน้ำอพาร์ตเมนต์ มีนายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรีขับมาจอด ก่อนนายเสกสรรค์จะขับรถตู้มารับ ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นเพื่อนสนิทเคยมานอนพักที่ห้องร่วมกัน จี้รัฐบาลสั่งดีเอสไอหาคนฆ่านักข่าว ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีความกังวล เรื่องการเสียชีวิตของนักข่าวต่างชาติ ซึ่งกำลังถูกนำไปขยายผลเป็นข่าวด้านลบกับรัฐบาลในต่างประเทศนั้น นายอาโนว์ ดูบัส นักข่าวชาวฝรั่งเศส วัย 47 ปี ตัวแทนองค์กรสื่อไร้พรมแดนของฝรั่งเศส ซึ่งติดตามตรวจสอบการเสียชีวิตของช่างภาพชาวอิตาลี ชื่อนายฟาบิโอ โพเลนจ์กี กล่าวว่าการตรวจสอบของสื่อต่างชาตินั้นไม่ได้สนใจเรื่องอื่นนอกจากความจริงที่เกิด ไม่ว่าคนเสื้อแดงยิงหรือทหารยิงก็จะเสนอข่าวไปตามความเป็นจริง แต่ถ้ามีนักข่าวถูกยิงและนักข่าวเองไม่ได้สนใจทำข่าวนี้ ต่อไปก็จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น กับนักข่าวที่อื่นอีก นอกจากนี้ จากกรณีการเสียชีวิตของนักข่าวญี่ปุ่นนั้น มีพยานเห็นเหตุการณ์ให้การตรงกัน แต่เมื่อไปขอข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐกลับไม่ยอมเปิดเผย โดยเฉพาะดีเอสไอไม่ยอมให้ความร่วมมือ ส่วนตัวมองว่าคนของรัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะแก้ปัญหา แต่ควรบังคับให้ตำรวจและดีเอสไอทำงานให้เต็มที่กว่านี้ เพราะขณะนี้ยอมรับว่าเริ่มมีชาวอิตาลีแสดงความไม่พอใจผ่านเฟซบุ๊กของตน กับท่าทีรัฐบาลอิตาลีที่ไม่สนใจการเสียชีวิตของนายฟาบิโอ หนูหริ่งบุกผูกผ้าแดงที่ จ.เชียงราย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กล่าวว่า ในวันที่ 7 ส.ค.จะเดินทางไปชูป้ายประท้วงรัฐบาล และผูกผ้าแดงที่ จ.เชียงราย เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่ตำรวจเชียงรายจับกุมเด็กนักเรียนที่ไปยืนถือป้ายข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และชูป้าย "ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์" เนื่องจากเหตุผลที่ตำรวจจับคือก่อความวุ่นวายนั้นฟังไม่ขึ้น เนื่องจากการที่เด็กรู้จักใช้สิทธิ์ ตามรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องน่าส่งเสริม แต่กรณีนี้ตำรวจกลับไปจับ ยึดคอมพิวเตอร์ ทั้งยังไปข่มขู่เด็กต่างๆนานาถึงขั้นนำไปตรวจทางจิตด้วย การแสดงออกของเจ้าหน้าที่รัฐทำเหมือนเด็กเป็นคนค้ายาบ้า หรือเสียสติ ทั้งที่จากการที่ได้ติดต่อกับผู้ปกครองเด็กรายนี้ พบว่าทางครอบครัวเองเข้าใจบุตรหลานดี ตนจึงอยากไปแสดงชูป้ายและผูกผ้าแดงทั่ว จ.เชียงราย เพื่อให้ตำรวจเชียงรายเห็นว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตาม รธน.ในลักษณะนี้ทำได้ และไม่กลัวถูกจับ เนื่องจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เคยบอกว่าไม่มีใครบ้าไปจับคนแค่ผูกผ้าแดง แต่ถ้าตนถูกจับในส่วนของกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง ที่นัดหมายจัดที่สวนสันติภาพสัปดาห์นี้ ก็ยังไม่ยุติ เพราะจะมีตัวแทนมาสานต่อต่อไป Bookmark and Share

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น